แสกนหุ้น BKA ให้กรอบ 4.60-5.30 บ./หุ้น
โบรกฯ ประสานเสียง แสกนหุ้นน้องใหม่ BKA เตรียมเสนอขาย IPO ให้กรอบราคาเป้าหมายที่ 4.60-5.30 บาทต่อหุ้น พร้อมตอกย้ำศักยภาพความเป็นที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง อนาคตไกล ระดมทุนหวังดึงเงินต่อยอดธุรกิจ ขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง พร้อมยกระดับพัฒนา Property Technology สร้างแพลตฟอร์ม Prop Tech นวัตกรรมใหม่ในการดูบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ สานฝันคนอยากมีบ้าน
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายภคกรณ์ แดงชาคร ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA พร้อมด้วย นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมโชว์วิสัยทัศน์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจบริการซื้อขายบ้านมือสอง และทรัพย์สินรอการขายของสถาบันการเงิน (NPA) ตกแต่งใหม่ ในประเทศไทย พร้อมแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)โดยเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หวังดึงเงินต่อยอดธุรกิจ มุ่งสู่นวัตกรรม AI และ Virtual Reality สร้างแพลตฟอร์ม Prop Tech มิติใหม่ในการดูบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับบริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ผู้นำในธุรกิจบ้านมือสองตกแต่งใหม่ โดยดำเนินธุรกิจให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย ซึ่งเป็นการรับฝากขายบ้านมือสองพร้อมกับการปรับปรุงก่อนขาย เพื่อให้มีสภาพใหม่พร้อมอยู่อาศัย พร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขาย ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการรับฝากขายบ้านมือสอง (ธุรกิจบ้านฝาก) และธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย (ธุรกิจบ้านตัด) เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ขณะที่บทวิเคราะห์ 4 แห่ง ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น BKA ที่ระดับ 4.60-5.30 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินระดับความเหมาะสมราคาหุ้น BKA ที่ราคา 5.30 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 14.5 เท่า โดยมองว่า จากความน่าสนใจของธุรกิจ เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจบ้านมือสองตกแต่งใหม่พร้อมขาย โดยให้บริการปรับปรุงและขายบ้านมือสอง ซึ่งมี Portfolio ที่หลากหลาย และยังเตรียมขยาย Backlog บ้านมือสองมากขึ้นจากสถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) รวมถึงวางแผนลงทุนธุรกิจ Property technology โดยการสร้างแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายอสังหาฯ ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้หลากหลายขึ้น พร้อมทั้งประเมินกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อน ได้แรงหนุนโดย GPM สูงขึ้นอยู่ที่ 11% จากปี 2566 ที่ 9.6% เป็นผลจากการขยายผลิตภัณฑ์บ้านมือสองที่ราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 ที่ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากปีก่อน จากรายได้ที่ขยายตัว ตามกลยุทธ์การขยาย Portfolio บ้านมือสองมากขึ้นภายหลัง IPO
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่ 5.15 บาทต่อหุ้น โดยอ้างอิง PER ปี 2568 ที่ 15.0 เท่า มี Discount จากค่าเฉลี่ยของดัชนีฯ ย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.0 เท่า เล็กน้อย และมี Discount จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิ ระหว่างปี 2568-69 ที่ 40% ทำให้มี PEG ต่ำประมาณ 0.4 เท่า นอกจากนี้ ยังมองว่า BKA มีจุดเด่นที่น่าลงทุน ได้แก่ ธุรกิจบ้านมือสอง มีความได้เปรียบบ้านโครงการใหม่ ทั้งทำเลและราคาที่คุ้มค่ากว่า จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเป็นการวางเงินประกัน ปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้ประหยัดเงินลงทุนได้มาก แต่ให้ผลตอบแทนสูง และเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อขายบ้านมือสอง ซึ่งเป็นการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิ โดยมองอัตราการเติบโต CARG อยู่ที่ 40% ช่วงปี 2568-69 โดยในปี 2568 อยู่ที่ 72 ล้านบาท ปี 2569 ที่ 96 ล้านบาท และปี 2570 ที่ 115 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเข้าถึงบ้านที่มีโครงสร้างยังดีอยู่พร้อมปรับปรุง แต่มีราคาถูกผ่าน NPA ของธนาคารต่างๆ และที่สำคัญกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีแนวโน้มความต้องการสูง
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่หุ้นละ 5.05 บาท โดยอิงจากหุ้นอสังหาฯ ในตลาด mai ใช้วิธี P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ที่ 14.1 เท่า โดยมองว่า ในปี 2568-69 BKA มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูงขึ้น จากแผนการระดมทุน ส่งผลให้คาดการณ์รายได้ในปี 2568 ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.1% จากปีก่อน ซึ่งเติบโตจากการขยายธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทเชี่ยวชาญ และในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีดีมานด์สูง โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 11.7% จากการปรับพอร์ตมาสู่บ้านระดับราคาที่สูงขึ้น พร้อมทั้งคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 75.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.6% จากปีก่อน ส่วน EPS อยู่ที่ 0.36 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปี 2569 จากการเริ่มขยายกิจการในปี 2568
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่ 4.60 บาทต่อหุ้น อิง PE ที่ 13 เท่า เนื่องจากไม่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายใดทำธุรกิจเหมือนกับ BKA จึงอิง Forward PE ปี 2568 ของบริษัทผู้ที่มีบางส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบ้านมือสอง และจากความได้เปรียบด้านราคาที่ต่ำกว่าบ้านใหม่และทำเลที่ดีกว่า ส่งผลทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากปีก่อน ขณะที่ปี 2568-69 กำไร 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากปีก่อน และ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 54% CAGR ตามทิศทางและแผนรุกขยายพอร์ตบ้านแต่ง (Flipping) มากขึ้น ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความพร้อมด้านกระแสเงินสดภายหลัง IPO รวมถึง SG&A ต่อรายได้ลดลงจาก Economy of scale ที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนการเงินที่ลดลง หลังนำเงิน IPO ไปคืนหนี้เงินกู้ สะท้อนถึงการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
************************