แชร์

เชียร์ซื้อ COCOCO เคาะเป้า 15 บาท

อัพเดทล่าสุด: 28 ม.ค. 2025
342 ผู้เข้าชม
COCOCO รุกขยายฐานการผลิต ทุ่มงบจัดตั้งบริษัทย่อย "Novococonut" ประเทศฟิลิปปินส์ จัดตั้งโรงงานผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมบุกสหรัฐฯ ยุโรป เดินหน้าเพิ่มยอดขาย ด้านโบรกฯ มองช่วยลดความผันผวนต้นทุนราคามะพร้าว ส่งผลให้ต้นทุนรวมต่ำลง พร้อมประเมินผลงานทั้งปี 2568 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 875 ล้าน พร้อมให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น

               ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ มูลค่าประมาณ 430 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ ให้สอดคล้องกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น และตอบสนองต่อยอดคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต

               ทั้งนี้ ภายหลังการลงทุนโครงการดังกล่าว จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิเพิ่มขึ้นจากเดิม 99,000 ตันต่อปี เป็นประมาณ 155,000 ตันต่อปี ซึ่งการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพื่อนับสนุนต่อการขยายยอดขายของบริษัทในสหรัฐฯ และยุโรป ให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งที่สหรัฐฯ และยุโรปเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนื้จะส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ

               สำหรับแผนงานดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ผ่านบริษัทย่อยที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ Novococonut ซึ่งได้มีการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นระยะเวลา 25 ปี ใน Anflo Industrial Estate (AIE) เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานสำหรับไลน์การผลิต ผลิตภัณฑ์กะทิและส่งออกสินค้าดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของบริษัท รวมถึงลงทุนในอาคาร เครื่องจักร และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ โดยคาดว่าการก่อสร้างอาคารโรงงานและการติดตั้งเครื่องจักรจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสที่ 1/69 และเริ่มรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์

               "โครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ จะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในกรอบความร่วมมือต่างๆ เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) และบริษัทมีแผนให้บริษัทย่อยของบริษัทที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ขอรับสิทธิประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากจากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนอื่นๆ"

               นอกจากนี้ การลงทุนตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถนำส่งวัถตุดิบน้ำมะพร้าวกลับมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินสัดส่วน 90% และกระแสเงินสดภายในบริษัท สัดส่วน 10% โดยคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/68 ซึ่งบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 100%

               "การลงทุนในฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้ COCOCO ขยายการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจากมองว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ COCOCO มั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตให้กับผู้ถือหุ้น และจะช่วยขยายการเติบโต โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้ในอนาคต ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ บริษัทจะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและการรักษาคุณภาพสินค้า เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับโลกได้ สะท้อนมายังผลการดำเนินงานที่คาดมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต" ดร.วรวัฒน์ กล่าว

               ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นที่ COCOCO อนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดความผันผวนต้นทุนราคามะพร้าวได้ และต้นทุนรวมที่ต่ำลง พร้อมกับตอบสนอง demand ความต้องการสินค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ margin ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 4/67 อ่อนตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน จากต้นทุนมะพร้าวที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันประเมินกำไรสุทธิปี 2567 และ 2568 ที่ 875 และ 1,157 ล้านบาท เติบโต 71% และ 32%จากปีก่อนตามลำกับ ทำให้การลงทุนในหุ้น COCOCO ยังตคงให้คำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ที่หุ้น 15.00 บาท

*****************************

บทความที่เกี่ยวข้อง
Maxbit เปิดตัวระบบ Grid Trading
Maxbit พร้อมผลักดันนวัตกรรมการลงทุนคริปโตฯ ไปอีกขั้น ผ่านการเปิดตัวระบบ "Grid Trading" เป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย ระบุเป็นระบบที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้ลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาการเทรดเองได้
8 ก.ค. 2025
YLG มองทองคำมีลุ้นแตะ 3,500 ดอลลาร์
YLG เปิดปัจจัยหนุนราคาทองคำ ระบุยังมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาดปีนี้ทองคำยังมีลุ้นที่ 3,500 ดอลลาร์ หากผ่านได้มีโอกาสพุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 3,650 ดอลลาร์ หลังครึ่งปีแรกราคาพุ่งแล้ว 25% พร้อมเปิดสถิติย้อนหลัง 20 ปี พบผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.36%
8 ก.ค. 2025
GBS แนะหุ้นหลบภัยช่วงตลาดขาลง
GBS ประเมินภาพรวมหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวลงต่อ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แนะกลยุทธ์ลหลบภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง ชู ADVANC, PR9, TISCO, BGRIM เด่น
8 ก.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy