MGC คืนฟอร์ม โชว์กำไร Q4/67 พุ่ง 888%
อัพเดทล่าสุด: 26 ก.พ. 2025
59 ผู้เข้าชม
MGC โชว์งบผลงานไตรมาส 4/67 มีรายได้รวมแตะ 5,977 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 95.20 เพิ่มขึ้น 888.40% ส่งผลให้ EBITDA พุ่งแตะ 468 ล้านบาท เติบโต 23% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา รับอานิสงส์ 3 ธุรกิจ ผนึกกำลังสร้างมูลค่าเพิ่มสู่ New S-curve ทั้งธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่ยอดส่งมอบรถ XPENG - ZEEKR พุ่งต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบริการด้านการเงิน ALPHA X เร่งเดินเกมรุกเจาะกลุ่ม Wealth Lending ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการประกันภัย Howden Maxi สยายปีกเจาะลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน ส่งผลเชิงบวกหนุนภาพรวมธุรกิจโต
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/67 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/67 ที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 95.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 888.40% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 468 ล้านบาท เติบโต 23% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน MOTOR EXPO และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมทุน นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย (Neo Mobility Asia) ที่มีการส่งมอบรถยนต์ในช่วงไตรมาสที่ 4/67 อีกทั้งการรับรู้กำไรธุรกิจ Alpha X เป็นไตรมาสแรกจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ขณะที่ธุรกิจ Howden Maxi เติบโตเพิ่มขึ้น 2% จากการขยายพอร์ตสู่ลูกค้ารายใหญ่เข้ามาให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากอัตราการเติบโตในไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้ ผลการดำเนินงานของ MGC-ASIA ในปี 2567 มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ 1,631 ล้านบาท เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 4/67 ของบริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการขับเคลื่อนใน 3 ธุรกิจ ที่สร้าง New S-curve สู่การกระจายพอร์ตรายได้ สู่การเติบโตอย่างโดดเด่น โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน MOTOR EXPO และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนจากบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่ให้บริการทั้งจัดจำหน่ายและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในกลุ่มธุรกิจ EV ทั้งหมด ที่ได้ทยอยส่งมอบรถในไตรมาสที่ 4/67 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ XPENG ซึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม เทค และ ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ลักชัวรี่ ที่มีกระแสตอบรับดีมาก ทำให้ยอดจองซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2567 มียอดส่งมอบกว่า 1,000 คัน และยังมียอดจองที่รอส่งมอบในไตรมาสถัดไปอีกหลายร้อยคัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย โดยเฉพาะ MMS Car Services & Tire ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) โดยมีจำนวนการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระเพิ่มขึ้นตามจำนวน Car Parc ด้วยกลยุทธ์การให้บริการครบทุกเรื่องการดูแลรถยนต์ ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมทุกมิติ ตามมาตรฐานสากล
ส่วนกลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนรถยนต์ในฟลีต โดย บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด (MCR ) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการรถเช่าระยะยาว สามารถเสริมพอร์ตรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้การขายรถมือสองกว่า 1,000 คัน ขณะที่ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นสำหรับบุคคลทั่วไป ก็ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดรับภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในปีที่ผ่านมาเติบโต ทั้งเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศที่มีการฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ขณะเดียวกัน ปี 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศกว่า 37.5 ล้านคน เติบโต 5.6% ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวในประเทศเติบโตขึ้น โดยจะส่งผลเชิงบวกต่ออัตราการเข้าพักในโรงแรม รวมถึงธุรกิจรถเช่า ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมีกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการรุกตลาดสินเชื่อ Wealth Lending เจาะกลุ่มลูกค้า High Net Worth ทำให้พอร์ตการให้สินเชื่อเติบโตกว่า 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและต้นทุนในการดำเนินงาน ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงกว่า 10% รวมทั้งการปรับลดการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยง ทำให้ต้นทุนทางด้านเครดิตลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงกันยายน 2567 บริษัทสามารถทำรายได้แตะระดับ 337 ล้านบาท เติบโต 2% และมีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากขึ้น โดยทีมที่สามารถสร้างรายได้เข้าเป้า โดยเฉพาะทีมอัญมณีเครื่องประดับ ทีมงานศิลปะ และทีมงานโครงการพิเศษ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2568 บริษัทยังคงวางกลยุทธ์สู่การต่อยอดการเติบโตใน 3 ธุรกิจสู่การสร้าง New S-curve อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริการด้านการเงิน Alpha X ที่จะมุ่งเน้นการเติบโตการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น พร้อมปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยการนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ขณะที่ด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า XPENG และ ZEEKR มีแนวโน้มส่งมอบรถอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์รถ EV ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงานบางกอกอินเตอร์แนชั่นนัล มอเตอร์โชว์ ที่เมืองทองธานี และเริ่มส่งมอบ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พวงมาลัยขวาล็อตแรกของโลก ที่ได้กระแสตอบรับอย่างท่วมท้นอีกกว่า 500 คัน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจบริการประกันภัยของ Howden Maxi บริษัทยังคงขยายการให้บริการที่หลากหลาย และเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรทางธุรกิจสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
**********************
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/67 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/67 ที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 95.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 888.40% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 468 ล้านบาท เติบโต 23% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน MOTOR EXPO และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมทุน นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย (Neo Mobility Asia) ที่มีการส่งมอบรถยนต์ในช่วงไตรมาสที่ 4/67 อีกทั้งการรับรู้กำไรธุรกิจ Alpha X เป็นไตรมาสแรกจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ขณะที่ธุรกิจ Howden Maxi เติบโตเพิ่มขึ้น 2% จากการขยายพอร์ตสู่ลูกค้ารายใหญ่เข้ามาให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากอัตราการเติบโตในไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้ ผลการดำเนินงานของ MGC-ASIA ในปี 2567 มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ 1,631 ล้านบาท เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 4/67 ของบริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากการขับเคลื่อนใน 3 ธุรกิจ ที่สร้าง New S-curve สู่การกระจายพอร์ตรายได้ สู่การเติบโตอย่างโดดเด่น โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งมอบรถยนต์ที่รับจองในงาน MOTOR EXPO และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนจากบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ที่ให้บริการทั้งจัดจำหน่ายและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในกลุ่มธุรกิจ EV ทั้งหมด ที่ได้ทยอยส่งมอบรถในไตรมาสที่ 4/67 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ XPENG ซึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม เทค และ ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ลักชัวรี่ ที่มีกระแสตอบรับดีมาก ทำให้ยอดจองซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2567 มียอดส่งมอบกว่า 1,000 คัน และยังมียอดจองที่รอส่งมอบในไตรมาสถัดไปอีกหลายร้อยคัน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย โดยเฉพาะ MMS Car Services & Tire ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) โดยมีจำนวนการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระเพิ่มขึ้นตามจำนวน Car Parc ด้วยกลยุทธ์การให้บริการครบทุกเรื่องการดูแลรถยนต์ ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมทุกมิติ ตามมาตรฐานสากล
ส่วนกลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนรถยนต์ในฟลีต โดย บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด (MCR ) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการรถเช่าระยะยาว สามารถเสริมพอร์ตรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้การขายรถมือสองกว่า 1,000 คัน ขณะที่ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นสำหรับบุคคลทั่วไป ก็ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดรับภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกในปีที่ผ่านมาเติบโต ทั้งเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศที่มีการฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ขณะเดียวกัน ปี 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศกว่า 37.5 ล้านคน เติบโต 5.6% ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวในประเทศเติบโตขึ้น โดยจะส่งผลเชิงบวกต่ออัตราการเข้าพักในโรงแรม รวมถึงธุรกิจรถเช่า ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และมีกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการรุกตลาดสินเชื่อ Wealth Lending เจาะกลุ่มลูกค้า High Net Worth ทำให้พอร์ตการให้สินเชื่อเติบโตกว่า 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและต้นทุนในการดำเนินงาน ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงกว่า 10% รวมทั้งการปรับลดการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยง ทำให้ต้นทุนทางด้านเครดิตลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงกันยายน 2567 บริษัทสามารถทำรายได้แตะระดับ 337 ล้านบาท เติบโต 2% และมีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากขึ้น โดยทีมที่สามารถสร้างรายได้เข้าเป้า โดยเฉพาะทีมอัญมณีเครื่องประดับ ทีมงานศิลปะ และทีมงานโครงการพิเศษ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2568 บริษัทยังคงวางกลยุทธ์สู่การต่อยอดการเติบโตใน 3 ธุรกิจสู่การสร้าง New S-curve อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบริการด้านการเงิน Alpha X ที่จะมุ่งเน้นการเติบโตการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น พร้อมปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยการนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า ขณะที่ด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า XPENG และ ZEEKR มีแนวโน้มส่งมอบรถอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์รถ EV ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงานบางกอกอินเตอร์แนชั่นนัล มอเตอร์โชว์ ที่เมืองทองธานี และเริ่มส่งมอบ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พวงมาลัยขวาล็อตแรกของโลก ที่ได้กระแสตอบรับอย่างท่วมท้นอีกกว่า 500 คัน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนธุรกิจบริการประกันภัยของ Howden Maxi บริษัทยังคงขยายการให้บริการที่หลากหลาย และเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรทางธุรกิจสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
**********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
MEDEZE ประกาศแผนงานปี 2568 เตรียมสร้างธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดแห่งใหม่ รองรับความต้องการขยายตัว หลังภาครัฐผลักดัน Stem Cell สู่กลุ่มนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตามความต้องการของตลาด Stem Cell ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ทำ New High ทะลุ 1,000 ล้าน
17 มี.ค. 2025
SNPS เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2567 ในอัตรา 0.13 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 มีนาคมนี้ หลังทำผลงานโตทะลุเป้า พร้อมพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกําหนดออกจากตําแหน่งตามวาระ
13 มี.ค. 2025
GBX เปิดเกมรุกปี 2568 ตั้งเป้าการเติบโตทางธุรกิจ 10% เล็งขยายธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง เพิ่ม AUM แตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้ง DRx และ Structured Note รองรับนักลงทุนทุกกลุ่ม รวมถึงศึกษาแนวทางพัฒนา Gold Link Note เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนในอนาคต
13 มี.ค. 2025