GUNKUL โชว์กำไร แตะ 1.66 พันล.
อัพเดทล่าสุด: 5 มี.ค. 2025
40 ผู้เข้าชม
GUNKUL ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2567 มีกำไรสุทธิรวม 1,661.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.62% รับอานิสงส์จากธุรกิจงานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่โครงการพลังงานทดแทนยังสดใส พร้อมพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพ มั่นใจอนาคตธุรกิจสดใสตามแผน PDP ที่ยังมีการประมูลโครงการเพิ่ม หนุนผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรการดำเนินงานตามปกติของกิจการจำนวน 1,661.08 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,474.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.62% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 9,731.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,697.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,033.67 ล้านบาท คิดเป็น 26.42%
ทั้งนี้ สาเหตุอันเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/67 เทียบกับไตรมาส 4/66 เติบโตค่อนข้างมากเกือบ 4 เท่า หรือเติบโตสูงถึง 395% จากการดำเนินธุรกิจหลักที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจการขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ อีกทั้งมีรายได้จากกลุ่มงานก่อสร้างและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ
"ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับรับโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพลังงานทดแทนทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มและโครงการพลังงานลม ซึ่งช่วงปลายปี 2567 บริษัทได้ผ่านคุณสมบัติและได้รับการคัดเลือกเพิ่มขึ้นอีกกว่า 319 เมกะวัตต์ ทั้งโครงการพลังงานลมและโครงการโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้เมกะวัตต์ส่วนนี้เข้ามาเพิ่มเติมในพอร์ต ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะสามารถขยายธุรกิจไปในส่วนของพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ"
ส่วนงานก่อสร้าง บริษัทยังมีโอกาสที่จะได้รับงานเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของงานสายส่งและสถานีในส่วนของโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ตามแผน PDP ใหม่ อีกทั้งภาคเอกชนมีการสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ เพื่อใช้ในกิจการของตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่จะมีรายได้ในส่วนของพลังงานทดแทนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามา ขณะที่ Trading และ Manufacturing บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในระบบ 115 Kv รวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยทำเพื่อรองรับการเติบโตในระบบส่งและระบบจำหน่ายต่อไปในอนาคต
สำหรับทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 2568 เชื่อว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากภาพรวมตลาดยังมีศักยภาพทั้งงานจากโครงการพลังงานทดแทนรอบใหม่ และงานของภาครัฐที่มีงบลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมตามความต้องการใช้ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยหลักๆ มาจากการรับรู้รายได้ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า
ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการพัฒนาโครงการพลังงานทั้งโครงการลม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 832 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศที่จะเพิ่มเติมในอนาคต อีกทั้งบริษัทยังมีส่วนของในงานมือ (Backlog) งานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และงานบริการก่อสร้างที่มีอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่า ในปี 2568 จะมีโครงการรับเหมาก่อสร้างใหม่ๆ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลทำให้งานในมือเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีการใช้เงินลงทุนในส่วนทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในทุกด้าน เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง
*********************
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรการดำเนินงานตามปกติของกิจการจำนวน 1,661.08 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,474.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 186.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.62% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 9,731.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,697.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,033.67 ล้านบาท คิดเป็น 26.42%
ทั้งนี้ สาเหตุอันเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/67 เทียบกับไตรมาส 4/66 เติบโตค่อนข้างมากเกือบ 4 เท่า หรือเติบโตสูงถึง 395% จากการดำเนินธุรกิจหลักที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจการขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ อีกทั้งมีรายได้จากกลุ่มงานก่อสร้างและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ
"ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับรับโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะพลังงานทดแทนทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มและโครงการพลังงานลม ซึ่งช่วงปลายปี 2567 บริษัทได้ผ่านคุณสมบัติและได้รับการคัดเลือกเพิ่มขึ้นอีกกว่า 319 เมกะวัตต์ ทั้งโครงการพลังงานลมและโครงการโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้เมกะวัตต์ส่วนนี้เข้ามาเพิ่มเติมในพอร์ต ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะสามารถขยายธุรกิจไปในส่วนของพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ"
ส่วนงานก่อสร้าง บริษัทยังมีโอกาสที่จะได้รับงานเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของงานสายส่งและสถานีในส่วนของโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ตามแผน PDP ใหม่ อีกทั้งภาคเอกชนมีการสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ เพื่อใช้ในกิจการของตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่จะมีรายได้ในส่วนของพลังงานทดแทนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามา ขณะที่ Trading และ Manufacturing บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในระบบ 115 Kv รวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยทำเพื่อรองรับการเติบโตในระบบส่งและระบบจำหน่ายต่อไปในอนาคต
สำหรับทิศทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี 2568 เชื่อว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากภาพรวมตลาดยังมีศักยภาพทั้งงานจากโครงการพลังงานทดแทนรอบใหม่ และงานของภาครัฐที่มีงบลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมตามความต้องการใช้ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% โดยหลักๆ มาจากการรับรู้รายได้ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า
ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการพัฒนาโครงการพลังงานทั้งโครงการลม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 832 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศที่จะเพิ่มเติมในอนาคต อีกทั้งบริษัทยังมีส่วนของในงานมือ (Backlog) งานขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า และงานบริการก่อสร้างที่มีอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่า ในปี 2568 จะมีโครงการรับเหมาก่อสร้างใหม่ๆ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลทำให้งานในมือเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะมีการใช้เงินลงทุนในส่วนทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทในอีก 5 ปี โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในทุกด้าน เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง
*********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
ATLAS ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG ภายใต้เครื่องหมายการค้า "PT" ประกาศพร้อมเดินหน้าเสนอขาย IPO จำนวน 418.42 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนใน SET คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ภ่ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ระดมทุนขยายฐานธุรกิจ
20 พ.ค. 2025
SKIN ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามแบรนด์ไทย Skinsista และ Dermie จับมือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เดินสายโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลทางการเงิน ก่อนเสนอขาย IPO เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai
20 พ.ค. 2025
MEDEZE เดินหน้าเสริมทัพ แต่งตั้ง "ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์" นั่งรองประธานกรรมการบริษัท ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสุขภาพสู่ระดับสากล ระบุถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของ MEDEZE ในการเติมเต็มทีมบริหารระดับสูง ให้พร้อมรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
20 พ.ค. 2025