แชร์

FPI ฐานแน่น ปี 67 โชว์รายได้ 2,628 ล.

อัพเดทล่าสุด: 5 มี.ค. 2025
82 ผู้เข้าชม
FPI ฐานแน่น ผลงานปี 67 โชว์รายได้รวม 2,628.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 276.2 ล้านบาท พร้อมสั่งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีหลังเพิ่มอีก 0.04 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ส่วนแผนงานปีนี้ ตั้งเป้ารายได้เติบ 10% แตะระดับ 3,000 ล้านบาท หลังเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต รับออเดอร์ใหม่ โดยเฉพาะจากลูกค้าในอินเดียและไทย ตุน Backlog แน่น 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 2 ปี

               นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,628.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.3 ล้านบาท หรือ 4.6% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการส่งออกไปยังตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ และมีกำไรสุทธิ 276.2 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.28%

               จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2567 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ดังนั้น จึงเหลืองวดดำเนินงานวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 อีก 0.04 บาทต่อหุ้น กำหนดวันขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 25 เมษายน 2568

               สำหรับแผนงานปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากปี 2567 ซึ่งมีการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ พร้อมกับปรับปรุงระบบการจัดการภายในทั้งหมด รวมถึงระบบ ERP เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจของบริษัทลูกในประเทศอินเดีย 2 แห่ง มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งบริษัท เอฟพีไอ ออโต้ พาร์ท อินเดีย และบริษัท อาร์บีเอส พลาสติก อินโนเวชั่น จำกัด ที่มีคำสั่งซื้อ OEM จากลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ลูกค้าในประเทศไทยก็มีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปี

               นอกจากนี้ ในปี 2568 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดการณ์ปริมาณการผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.50 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.1% และสำหรับตลาดอะไหล่ทดแทนจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากรถยนต์สะสมทั่วโลกในปี 2567 มียอดสูงถึง 2,140 ล้านคัน ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลี นอกจากนี้ ปัญหาสงครามการค้าจากสหรัฐฯ และจีน จะทำให้ยอดลูกค้าสหรัฐฯ หันมาซื้อสินค้าในประเทศอาเซียนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์กับบริษัทในอนาคต

**********************

บทความที่เกี่ยวข้อง
ATLAS รอฤกษ์ขาย IPO ส่งหุ้นเข้า SET
ATLAS ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG ภายใต้เครื่องหมายการค้า "PT" ประกาศพร้อมเดินหน้าเสนอขาย IPO จำนวน 418.42 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนใน SET คาดส่งหุ้นลงกระดานเทรดได้ภ่ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ระดมทุนขยายฐานธุรกิจ
20 พ.ค. 2025
SKIN จับมือ APM เดินสายโรดโชว์
SKIN ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามแบรนด์ไทย Skinsista และ Dermie จับมือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เดินสายโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลทางการเงิน ก่อนเสนอขาย IPO เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai
20 พ.ค. 2025
MEDEZE เสริมทัพทีมผู้บริหาร
MEDEZE เดินหน้าเสริมทัพ แต่งตั้ง "ปิยวัชร ราชพลสิทธิ์" นั่งรองประธานกรรมการบริษัท ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสุขภาพสู่ระดับสากล ระบุถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของ MEDEZE ในการเติมเต็มทีมบริหารระดับสูง ให้พร้อมรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
20 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy