GBS จับเทคนิคเล่นหุ้นเดือน พ.ค.
GBS ประเมินหุ้นไทยเดือนพฤษภาคมยังผันผวน แนะจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมรอบนี้ คาดการณ์กรอบดัชนีที่ระดับ 1,160-1,220 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่คาดประกาศงบไตรมาส 1/68 ออกมาดี อาทิ STECON, OSP, WHA, TRUE, ADVANC
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม โดยระบุว่า ยังคงแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังคงจับตามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.3% ในไตรมาส 1/68 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าขยายตัว 0.2% หลังจากขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/67 แม้ดีกว่าแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ที่ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัว 2.7% ในไตรมาส 1/68 สร้างความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ จากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร และประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า จะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ทันที
ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ประเมินว่า นักลงทุนคาดหวังว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ส่วน เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เปิดเผยถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 50.8 ในเดือนเมษายน ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 51.4 และชะลอลงจากระดับ 54.4 ในเดือนมีนาคม
ขณะที่มูดี้ส์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ประกาศลดอันดับมุมมองแนวโน้ม (Outlook) อันดับเครดิตของประเทศไทย จาก "มีเสถียรภาพ" ลงสู่แนวโน้ม "เชิงลบ" ซึ่งเป็นการปรับลงสู่ระดับ Negative เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 17 ปี และปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน 7 แห่งของไทยเป็น "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ฝ่ายวิจัยจึงคาดกรอบดัชนีฯ ในเดือนนี้อยู่ที่ 1,160-1,220 จุด
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุนที่จับตาในประเทศ วันที่ 7 พฤษภาคม ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.), สัปดาห์ที่ 2 สภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน, วันที่ 14 พฤษภาคม รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ, วันที่ 15 พฤษภาคม กำหนดวันสุดท้ายส่งงบการเงินงวดสิ้นสุด 31 มีนาคม 2568, สัปดาห์ที่ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย, ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, วันที่ 30 พฤษภาคม ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 7 พฤษภาคม จีนรายงานทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนเมษายน, ญี่ปุ่น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเมษายน, สหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 6-7 พฤษภาคม ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งที่ 2/68, เช้าวันที่ 8 พฤษภาคม FED แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, วันที่ 8 พฤษภาคม ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม, ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมีนาคม, วันที่ 9 พฤษภาคม จีนรายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนเมษายน, ญี่ปุ่นรายงานการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมีนาคม
ขณะที่นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/68 ออกมาดี ได้แก่ STECON, OSP, WHA, TRUE และ ADVANC
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำยังคงมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประกอบกับนักลงทุนจับตาผลการประชุม FED ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อข้อสรุปถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระงับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน พร้อมเผยว่า มีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอินเดีย เกาหลี และญี่ปุ่น ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลสงครามการค้าลงบ้าง คาดทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม FED เผยว่า อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น หากพบว่า อัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงคาดการณ์ว่า ปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้จะช่วยพยุงราคาทองคำ โดยให้กรอบทองคำเดือนนี้ที่ 3,200-3,475 ดอลลาร์ต่อออนซ์
***********************