หุ้น KJL อัพไซด์กว้าง เคาะเป้า 9.90 บ.
"หยวนต้า" ส่องราคาเป้าหมายหุ้น KJL ที่่ราคา 9.90 บาท มีอัพไซด์เปิดกว้างถึง 57% ระบุแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 โตต่อเนื่องทั้ สวนทางเศรษฐกิจ รับอานิสงส์รอบด้าน ทั้งต้นทุนราคาเหล็กลดลง หนุนมาร์จิ้นเพิ่ม สินค้ามีมาตรฐานได้รับการยอมรับ แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนาน มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำรายงานบทวิเคราะห์บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL โดยระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาสที่ 2 /68 คาดเบื้องต้นที่ 50-55 ล้านบาท เติบโตสูงจากไตรมาสก่อน และเติบโตเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อไปในช่วงโปรโมชั่นในไตรมาส 4/67 เริ่มมีสต๊อกลดลง จึงกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ ประกอบกับมีการออกสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเน้นสินค้าที่ยังใช้งานได้ในคุณภาพใกล้เคียงเดิม แต่มีราคาที่ประหยัดลง เช่น พูลบ็อกซ์เหล็กหนา 1.6 mm ชุปกัลวาไนซ์ รวมถึงการจัดงานสัมนารวมพลคนไฟฟ้าต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้ได้ฐานช่างไฟและร้านค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการระบุยี่ห้อ KJL เมื่อสั่งซื้อตู้ไฟ และอุปกรณ์
ขณะที่สินค้ากลุ่ม Solar ยังเติบโตดี จากการติดตั้ง Solar roof ทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และกำลังอยู่ในช่วงทำการตลาดลูกค้ากลุ่ม Data center ซึ่งทยอยมีรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ใน 2/68 ออกสินค้าใหม่เป็นกลุ่ม Stainless series แพงกว่าตู้เหล็ก 5-6 เท่า แต่มีความต้องการสำหรับอุตสากรรมเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ เช่น อุตสากรรมเคมี สถานที่ริมทะเล อุตสำหกรรมอาหารที่ต้องการ Food grade เป็นต้น ช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และ GPM
ขณะเดียวกัน KJL มีจุดแข็งคือมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับ แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนาน มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท การขนส่งรวดเร็ว มีสมาชิกช่างไฟจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง และสร้าง Awareness ให้ระบุชื่อ KJL เมื่อสั่งตู้ไฟและอุปกรณ์ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ KJL ยังสามารถปรับตัวด้วยการออกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ความต้องการได้รวดเร็ว และสั่งซื้อได้แม้ต้องการเพียงชิ้นเดียว ขณะที่คู่แข่งอ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงฐานะทางการเงิน ทำให้แม้ว่าภาพรวมการบริโภคอาจลดลง แต่ KJL ยังสามารถเติบโตได้จากการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของเจ้าอื่น
ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 คาดรายได้ของ KJL เติบโต 12.4% จากปีก่อน เป็น 1,353 ล้านบาท และ 17% จากปีก่อน เป็น 1,584 ลเานบาทในปี 2569 เนื่องจากจะมีการขยายกำลังการผลิตอีก 7 ล้านชิ้น หรือ 21% เป็น 40 ล้านชิ้นในไตรมาส 4/68 นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมการขยายกำลังการผลิตและคลังสินค้าในเฟสถัดไป สะท้อนมุมมองผู้บริหารต่อแนวโน้มของธุรกิจว่ายังเติบโตไปในทิศทางที่ดี สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เส่งผลให้ราคาเหล็กทุกประเภทลดลงในช่วงเกือบ 2 เดือนนี้ราว 5-13% โดยเหล็กรีดเย็นลดลงราว 9% เหล็กรีดร้อนลดลงราว 12-13% ช่วยให้ KJL สามารถจัดโปรโมชั่นได้มากขึ้นโดย GPM ยังสูงกว่า 30% ได้ ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมเดิมก็ยังสามารถขายได้ในอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น คาดกำไรปี 2568 ที่ 190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากปีก่อน ส่วนในปี 2569 คาดอยู่ที่ 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน โดยประมาณการกำไรปี 2568 อยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 190-210 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ต่ำมาก โดยมี PER ปี 2568 ที่ต่ำเพียง 7.7 เท่าให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 8% (จ่ายทุกครึ่งปี) มองเป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่หุ้นละ 9.90 บาท
**********************