SKIN รอฤกษ์ขาย IPO เข้าตลาด mai
อัพเดทล่าสุด: 10 มิ.ย. 2025
12 ผู้เข้าชม
SKIN เสร็จสิ้นภาระกิจการเดินสายนำเสนอข้อมูลธุรกิจให้กับนักลงทุน นับเวลาถอยหลังเตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 44 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ระดมทุนขยายฐานธุรกิจ ชูจุดเด่นเป็นผู้พัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ Skinsista และ Dermie
ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น โดยที่ผ่านมาได้เดินสายโรดโชว์ไปแล้วกว่า 7 จังหวัด และได้ปิดท้ายโรดโชว์ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ณ หอประชุมศาสตราจารย์ สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน SKIN กล่าวว่า จากการเดินสายโรดโชว์ 8 จังหวัด คือ ชลบุรี, นครสวรรค์, นครราชสีมา, ขอนแก่น, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี, สงขลา อำเภอหาดใหญ่ และกรุงเทพมหานคร ใได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนในทุกจังหวัด เนื่องจากศักยภาพและผลิตภัณฑ์ของ SKIN ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากจุดจำหน่ายชั้นนำ อาทิ 7-11, Watsons, CJ MORE NINE BEAUTY, Beautrium และ Konvy รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพอย่างกว้างขวาง และภาพรวมอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความนิยมการเลือกใช้แบรนด์ไทยที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับแบรนด์นานาชาติ จึงมั่นใจว่า SKIN จะเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง
สำหรับ SKIN มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 72 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 144 ล้ายนหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้ว 50 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.55% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค
ขณะที่นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนา จ้างผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ Skinsista (สกินซิสต้า) และ Dermie (เดอร์มี่) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีปัญหาผิว อาทิ สิว ริ้วรอย ผิวแพ้ง่าย และมีช่องทางจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์และครอบคลุมปัญหาผิวมากขึ้น โดยคำนึงถึงคุณภาพ รวมถึงตั้งเป้าขยายช่องทางการจำหน่ายในทุกช่องทางเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมในปี 2565-67 อยู่ที่ 282.7 ล้านบาท 272.79 ล้านบาท และ 230.53 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.78 ล้านบาท 16.79 ล้านบาท และ 10.67 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ที่ลดลงในปี 2567 โดยหลักมาจากการดำเนินงานที่เน้นเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ที่เป็นรูปแบบขายขาดมากขึ้น ซึ่งการรับรู้รายได้จากการฝากขายจะรับรู้ตามมูลค่าที่ผู้รับฝากขายได้จำหน่ายให้แก่ลูกค้า (Retail Price ตามป้ายราคา) ขณะที่รายได้จากการขายขาดจะรับรู้ตามมูลค่าที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับสำหรับสินค้าที่ได้ส่งมอบหลังจากหักการรับคืนและส่วนลดโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (Net Price) รวมถึงกำไรในปี 2567 ที่ดูเหมือนลดลง ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (one-time expense) สำหรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนำเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
***********************
ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น โดยที่ผ่านมาได้เดินสายโรดโชว์ไปแล้วกว่า 7 จังหวัด และได้ปิดท้ายโรดโชว์ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ณ หอประชุมศาสตราจารย์ สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน SKIN กล่าวว่า จากการเดินสายโรดโชว์ 8 จังหวัด คือ ชลบุรี, นครสวรรค์, นครราชสีมา, ขอนแก่น, เชียงใหม่, สุราษฎร์ธานี, สงขลา อำเภอหาดใหญ่ และกรุงเทพมหานคร ใได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนในทุกจังหวัด เนื่องจากศักยภาพและผลิตภัณฑ์ของ SKIN ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากจุดจำหน่ายชั้นนำ อาทิ 7-11, Watsons, CJ MORE NINE BEAUTY, Beautrium และ Konvy รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพอย่างกว้างขวาง และภาพรวมอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์ความงามในประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความนิยมการเลือกใช้แบรนด์ไทยที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับแบรนด์นานาชาติ จึงมั่นใจว่า SKIN จะเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง
สำหรับ SKIN มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 72 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 144 ล้ายนหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้ว 50 ล้านบาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.55% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายแล้วของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค
ขณะที่นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนา จ้างผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทยที่เข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ Skinsista (สกินซิสต้า) และ Dermie (เดอร์มี่) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีปัญหาผิว อาทิ สิว ริ้วรอย ผิวแพ้ง่าย และมีช่องทางจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์และครอบคลุมปัญหาผิวมากขึ้น โดยคำนึงถึงคุณภาพ รวมถึงตั้งเป้าขยายช่องทางการจำหน่ายในทุกช่องทางเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย
สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมในปี 2565-67 อยู่ที่ 282.7 ล้านบาท 272.79 ล้านบาท และ 230.53 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.78 ล้านบาท 16.79 ล้านบาท และ 10.67 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งรายได้ที่ลดลงในปี 2567 โดยหลักมาจากการดำเนินงานที่เน้นเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ที่เป็นรูปแบบขายขาดมากขึ้น ซึ่งการรับรู้รายได้จากการฝากขายจะรับรู้ตามมูลค่าที่ผู้รับฝากขายได้จำหน่ายให้แก่ลูกค้า (Retail Price ตามป้ายราคา) ขณะที่รายได้จากการขายขาดจะรับรู้ตามมูลค่าที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับสำหรับสินค้าที่ได้ส่งมอบหลังจากหักการรับคืนและส่วนลดโดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (Net Price) รวมถึงกำไรในปี 2567 ที่ดูเหมือนลดลง ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (one-time expense) สำหรับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนำเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
***********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
MEDEZE ย้ำบทบาทผู้นำธนาคารสเต็มเซลล์ไทย นำทีมร่วมให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในงาน Analyst Meeting เน้นย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์และบริการเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบทบาทร่วมในโครงการ ATMPs Sandbox
20 มิ.ย. 2025
WEH อ้าแขนรับทรัพย์หลังผลการเสหนอขายหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 ได้รับการตอบรับอย่างดี สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนช้ขยายกิจการ ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน
20 มิ.ย. 2025
AGE ส่งบริษัทในเครือ "เอจีอี เวนเจอร์ส" เปิดตัว "เอจีอี ออโต้ แกลเลอรี่" จับมือพันธมิตรแบรนด์รถยนต์ ขยายธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มุ่งเน้นตลาดรถยนต์กลุ่ม EV และไฮบริด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมเปิดโชว์รูม 9 แห่ง ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
20 มิ.ย. 2025