NUT โชว์แผนธุรกิจหลังเข้าตลาด mai
NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เข้าเทรด mai วันแรก เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น พร้อมขยายตลาด ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์แบบครบวงจร ธุรกิจอยู่ในกระแสความต้องการดูแลสุขภาพ สร้างโอกาสที่ดีแก่นักลงทุนในอนาคต
นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้น และเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัท ซึ่งจะส่งเสริมศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทในด้านการตลาด ผ่านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิตคอนเทนต์ (Content) และใช้พรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายสำหรับสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอาง โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
สำหรับ NUT มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบภายในโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมด้วยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ประกอบกับจุดเด่นด้านการตลาดและการบริการหลังการขายที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้ ภายหลังเข้าระดมทุน บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement), กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal Care) ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์ผ่านคอนเท้นต์ รวมถึงการใช้ช่องทางที่มีคุณภาพและเข้าถึงลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ครบวงจร ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและบริหการอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี
สำหรับสัดส่วนรายได้จากการขาย โดยแบ่งตามช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทในปี 2567 แบ่งเป็น ช่องทางออฟไลน์ อาทิ โทรทัศน์, โทรศัพท์, ร้านขายยา, ร้านค้าปลีก ฯลฯ อยู่ในระดับ 23.31%, การรับจ้างผลิต (OEM) 7.14% และช่องทางออนไลน์ อาทิ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง (Digital marketing) และตลาดออนไลน์ (Marketplace) ที่ถือว่าเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีสัดส่วนสัดส่วนมากที่สุดถึง 69.15% ซึ่งในปี 2568 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาช่องทางดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ และสร้างการเติบโตของรายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/68 สัดส่วนช่องทางออนไลน์ของบริษัทเติบโตขึ้นที่ระดับ 75.54%
ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน NUT เปิดเผยว่า บริษัทความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ NUT ในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะส่งเสริมให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งเชื่อว่า NUT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในช่วงการซื้อขายวันแรกและต่อจากนี้ เนื่องจาก NUT เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางครบวงจร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และ มีจุดเด่นเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
"หุ้น NUT ได้รับความสนใจและมีกระแสการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ตั้งแต่ช่วงการนำเสนอข้อมูล จนมาถึงวันจองซื้อ จากการกำหนดราคา การเสนอขายที่เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการดำเนินงาน และภาวะการลงทุนในปัจจุบัน จึงมั่นใจว่า NUT จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างการตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ทั้งในแง่ของการเติบโตและนโยบายการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินทุนสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด อีกทั้งรูปแบบการดำเนินงานของบริษัทที่มุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานความตั้งใจในการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นโอกาสที่ดีให้ NUT สามารถสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจได้ในอนาคต" นายวิชา กล่าว
*********************