MPJ มั่นใจรายได้ทั้งปีโต 20% ตามเป้า
อัพเดทล่าสุด: 16 มิ.ย. 2025
48 ผู้เข้าชม
MPJ ฉายภาพธุรกิจโลจิสติกส์ครึ่งปีแรกเติบโตต่อเนื่อง จ่อเร่งเครื่องลุยขยายการให้บริการ 4 กลุ่มธุรกิจต่อเนื่องทันที ล่าสุดเริ่ม Test run การให้บริการขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ ปูพรมเซ็น MOU รอรับงานใหม่เพิ่ม พร้อมประกาศวางกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจชะลอตัว ท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ สบช่องขยายช่องทางการขนส่งเพิ่มสัดส่วนทางการค้าในกลุ่ม CLMV รวมทั้งตะวันออกกลาง มั่นใจปีนี้รายได้โต 20% ตามเป้า
นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรและผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ เปิดเผยว่า จากปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบต่อการดำเนินธุรกิจภาพรวมอุตสาหกรรมทางธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะจากการชะลอคำสั่งซื้อของคู่ค้าในบางกลุ่มอุตสาหกรรม ต่อประเด็นดังกล่าว บริษัทได้วางแผนเพื่อรองรับต่อสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายตลาด รวมถึงวางแผนบริหารความเสี่ยงแบบ Proactive มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด และขยายช่องทางการขนส่งในประเทศและข้ามแดนสู่เส้นทางการค้า เพื่อสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ในภูมิภาคมากขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนทางการค้าในกลุ่ม CLMV และตะวันออกกลาง ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ด้านบริหารจัดการต้นทุน บริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ การควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ทั้งนี้ หากประเมินแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีแรก มองว่ายังเป็นไปตามกรอบที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าต้องเผชิญความท้าทายท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จนทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความผันผวนจนเกิดโดมิโนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับสูง แต่ MPJ ก็ยังสามารถรักษาระดับการให้บริการหลักไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ได้รับผลกระทบเชิงลึกจากต้นทุนทางการเงิน เนื่องจากได้ดำเนินการปลดหนี้และปรับโครงสร้างทางการเงินเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ระดับ 96.75 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ และการขยายตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง เช่น ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกและต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น"
ส่วนแผนการขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ (Domestic Transportation) ล่าสุด บริษัทฯได้เริ่ม Test run ส่วนขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ ตามแผนเดิมที่ต้องการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาก Test run ประสบความสำเร็จตามที่วางไว้ จะเพิ่มโอกาสให้บริษัทสามารถลงนาม MOU ทั้งในส่วนงานของรัฐวิสาหกิจ และส่วนงานลูกค้าเดิมที่สัญญาเดิมหมดไปแล้วให้กลับมาต่อสัญญาตามปกติได้ และคาดว่าจะมีการยื่น Bidding เพิ่มเติมในส่วนงานใหม่ๆ ของกลุ่มลูกค้าเดิมด้วย
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนระยะกลางถึงยาวสำหรับการรักษาคุณภาพการให้บริการ และนำระบบนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการและ Efficiency ให้ดีขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ซึ่งจากแผนกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งให้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมในปี 2568 เพิ่มขึ้น 20%
"บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาพรวมทางธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยได้มีการลงทุนในระบบ TMS, CDMS และ ERP เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ และพัฒนาโครงการ Green Logistics อาทิ Solar Cell และ EV เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน รวมถึงมุ่งเน้นพัฒนาในในแต่ละธุรกิจของบริษัท ตามนโยบายการวางกลยุทธ์เฉพาะด้านที่เหมาะสมกับลักษณะของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะการขยายลานตู้ ทั้งในกรุงเทพฯ และแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง" นายจีระศักดิ์ กล่าว
***********************
นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรและผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ เปิดเผยว่า จากปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบต่อการดำเนินธุรกิจภาพรวมอุตสาหกรรมทางธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะจากการชะลอคำสั่งซื้อของคู่ค้าในบางกลุ่มอุตสาหกรรม ต่อประเด็นดังกล่าว บริษัทได้วางแผนเพื่อรองรับต่อสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการกระจายตลาด รวมถึงวางแผนบริหารความเสี่ยงแบบ Proactive มากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด และขยายช่องทางการขนส่งในประเทศและข้ามแดนสู่เส้นทางการค้า เพื่อสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ในภูมิภาคมากขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนทางการค้าในกลุ่ม CLMV และตะวันออกกลาง ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ด้านบริหารจัดการต้นทุน บริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ การควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี
ทั้งนี้ หากประเมินแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีแรก มองว่ายังเป็นไปตามกรอบที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าต้องเผชิญความท้าทายท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จนทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดความผันผวนจนเกิดโดมิโนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับสูง แต่ MPJ ก็ยังสามารถรักษาระดับการให้บริการหลักไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ได้รับผลกระทบเชิงลึกจากต้นทุนทางการเงิน เนื่องจากได้ดำเนินการปลดหนี้และปรับโครงสร้างทางการเงินเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ระดับ 96.75 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ และการขยายตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง เช่น ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกและต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น"
ส่วนแผนการขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ (Domestic Transportation) ล่าสุด บริษัทฯได้เริ่ม Test run ส่วนขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ ตามแผนเดิมที่ต้องการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาก Test run ประสบความสำเร็จตามที่วางไว้ จะเพิ่มโอกาสให้บริษัทสามารถลงนาม MOU ทั้งในส่วนงานของรัฐวิสาหกิจ และส่วนงานลูกค้าเดิมที่สัญญาเดิมหมดไปแล้วให้กลับมาต่อสัญญาตามปกติได้ และคาดว่าจะมีการยื่น Bidding เพิ่มเติมในส่วนงานใหม่ๆ ของกลุ่มลูกค้าเดิมด้วย
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนระยะกลางถึงยาวสำหรับการรักษาคุณภาพการให้บริการ และนำระบบนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการและ Efficiency ให้ดีขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าในระยะยาว ซึ่งจากแผนกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งให้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมในปี 2568 เพิ่มขึ้น 20%
"บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาพรวมทางธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยได้มีการลงทุนในระบบ TMS, CDMS และ ERP เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ และพัฒนาโครงการ Green Logistics อาทิ Solar Cell และ EV เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน รวมถึงมุ่งเน้นพัฒนาในในแต่ละธุรกิจของบริษัท ตามนโยบายการวางกลยุทธ์เฉพาะด้านที่เหมาะสมกับลักษณะของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะการขยายลานตู้ ทั้งในกรุงเทพฯ และแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง" นายจีระศักดิ์ กล่าว
***********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Maxbit พร้อมผลักดันนวัตกรรมการลงทุนคริปโตฯ ไปอีกขั้น ผ่านการเปิดตัวระบบ "Grid Trading" เป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย ระบุเป็นระบบที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้ลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาการเทรดเองได้
8 ก.ค. 2025
YLG เปิดปัจจัยหนุนราคาทองคำ ระบุยังมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาดปีนี้ทองคำยังมีลุ้นที่ 3,500 ดอลลาร์ หากผ่านได้มีโอกาสพุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 3,650 ดอลลาร์ หลังครึ่งปีแรกราคาพุ่งแล้ว 25% พร้อมเปิดสถิติย้อนหลัง 20 ปี พบผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.36%
8 ก.ค. 2025
GBS ประเมินภาพรวมหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวลงต่อ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แนะกลยุทธ์ลหลบภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง ชู ADVANC, PR9, TISCO, BGRIM เด่น
8 ก.ค. 2025