แชร์

AGE ขยายไลน์ธุรกิจ สู่ดีลเลอร์รถยนต์

อัพเดทล่าสุด: 20 มิ.ย. 2025
2 ผู้เข้าชม
AGE ส่งบริษัทในเครือ "เอจีอี เวนเจอร์ส" เปิดตัว "เอจีอี ออโต้ แกลเลอรี่" จับมือพันธมิตรแบรนด์รถยนต์ ขยายธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มุ่งเน้นตลาดรถยนต์กลุ่ม EV และไฮบริด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมเปิดโชว์รูม 9 แห่ง ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573

               นายปองธรรม แดนวังเดิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอจีอี เวนเจอร์ส จำกัด (AAG) ในกลุ่มบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท AGE ได้มีการวางกลยุทธ์และเตรียมความพร้อมสู่การขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่ช่วยลดการปล่อยมลภาวะทางอากาศ จึงตั้งบริษัท เอจีอี ออโต้ แกลเลอรี่ จำกัด (AAG) เพื่อดำเนินธุรกิจ Low Emission Mobility ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โดยมุ่งเน้นตลาดรถยนต์กลุ่ม EV และไฮบริด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

               สำหรับธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ AAG ตั้งเป้ารายได้รวมของกลุ่มที่ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 จากปีนี้ คาดรายได้ 2,000 ล้านบาท และมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ IRR ไม่ต่ำกว่า 15% และเป้าหมายสัดส่วนรายได้ธุรกิจ Low Carbon ไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้รวมของกลุ่ม จากรายได้จากธุรกิจยั่งยืนอยู่ที่ประมาณ 30-35%

               ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 20,000-25,000 ล้านบาท ในปี 2573 จากปีนี้ที่มีเป้าหมายรายได้รวมเติบโตขึ้นแตะระดับ 17,000 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจ Human Solutions (Diversified Investments) ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท เอจีอี เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งได้จัดตั้ง AAG  เพื่อดำเนินธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ดังกล่าว

               "ปีนี้ธุรกิจรถยนต์แข็งแกร่ง ถ่านหินดีขึ้น จึงคาดว่า ทั้งปี AGE จะมีกำไร 150-200 ล้านบาท และปี 2569 เพิ่มขึ้นเป็น 300-400 ล้านบาท ในปีหน้าบริษัทอาจจะเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ แต่จะจ่ายไม่มากเท่าเดิม และในอนาคตมีแผนย้ายจากกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงาน เป็นกลุ่มพาณิชย์"

               สำหรับ AAG ได้ร่วมกับพันธมิตร 4 แบรนด์รถยนต์ ได้แก่ Zeekr (ซีเคอร์), Omoda & Jaecoo (โอโมดา แอนด์ แจคู), Chery (เฌอรี่) และ Mitsubishi motors (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส)  โดยวางแผนขยายการลงทุนก่อสร้าง พร้อมปรับปรุงโชว์รูม และศูนย์บริการหลังการขาย รวม 9 แห่ง  พร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568

               "ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง จากต้นทุนการใช้งานของรถไฟฟ้าต่อกิโลเมตรที่ต่ำกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ทั้งค่าพลังงาน และค่าบำรุงรักษา ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งระบบนิเวศและโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้รถยนต์พลังงานสะอาด โดยในปัจจุบันสัดส่วนการใช้รถไฟฟ้าในประเทศไทยในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 11% ขณะที่ประเทศสิงค์โปร อยู่ที่ประมาณ 32% ทำให้มองได้ว่า ประเทศไทยยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า" นายปองธรรม กล่าว

********************************

บทความที่เกี่ยวข้อง
MEDEZE ย้ำความเป็นผู้นำธนาคารสเต็มเซลล์
MEDEZE ย้ำบทบาทผู้นำธนาคารสเต็มเซลล์ไทย นำทีมร่วมให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในงาน Analyst Meeting เน้นย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์และบริการเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบทบาทร่วมในโครงการ ATMPs Sandbox
20 มิ.ย. 2025
WEH ปิดดีลผลจองซื้อหุ้นกู้
WEH อ้าแขนรับทรัพย์หลังผลการเสหนอขายหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 ได้รับการตอบรับอย่างดี สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนช้ขยายกิจการ ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน
20 มิ.ย. 2025
FTI ส่งเสริมความรู้ด้านระบบบำบัดน้ำ
FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ Future Water Solutions 2025 เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบบำบัดน้ำ สร้างความเชื่อมั่นร่วมกันระหว่างบริษัทและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดการพัฒนาธุรกิจให้แก่พันธมิตรตัวแทนจำหน่าย
20 มิ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy