TEGH ขึ้นทำเนียบ EGS100 ปีแรก
อัพเดทล่าสุด: 24 มิ.ย. 2025
40 ผู้เข้าชม
TEGH ติดทำเนียบ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ ESG100 ประจำปี 2568 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนความโดดเด่นของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนที่ผสานการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับธรรมาภิบาลอย่างเป็นรูปธรรม ระบุจากความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าร่วมกันทุกภาคส่วน สร้างความเชื่อมั่นด้านความยั่งยืนในระยะยาวแก่นักลงทุน ส่วนแผนงานปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ที่ระดับ 22,000 ล้าน
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน (ESG Emerging List) โดยอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันไทยพัฒน์ นับเป็นปีแรกที่ TEGH ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและต่อเนื่องสู่สาธารณะ โดย TEGH สามารถตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำด้านการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบอย่างยั่งยืน รวมถึงผลิตพลังงานทดแทน และรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจรในพื้นที่ EEC
ทั้งนี้ หน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG ประจำปี 2568 ด้วยการคัดเลือกจาก 921 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,056 จุดข้อมูล และ TEGH ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 13 หลักทรัพย์ให้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ในกลุ่มหลักทรัพย์ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" หรือ ESG Emerging List
สำหรับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี เพื่อใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง TEGH ได้พิสูจน์แล้วว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือโอกาสในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ถูกผสานไว้ในทุกกระบวนการ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แผนการดำนินงานของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท โดยคาดยอดขายยางแท่งปีนี้อยู่ที่ 250,000-280,000 ตัน โดยยังคงสัดส่วนยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่ 30-40% ในครึ่งปีแรก และประมาณ 50% ในครึ่งปีหลัง ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบจะเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ หลังจากติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมดำเนินการทดสอบและเดินเครื่องเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปีนี้
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลที่ใช้ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทในเครือลงได้ ด้านสายธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟส 1 ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 พร้อมเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 เฟส 2 ต่อเนื่อง
**********************
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบ บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน (ESG Emerging List) โดยอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2568 ซึ่งจัดทำโดยสถาบันไทยพัฒน์ นับเป็นปีแรกที่ TEGH ได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่ไปกับการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสและต่อเนื่องสู่สาธารณะ โดย TEGH สามารถตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำด้านการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบอย่างยั่งยืน รวมถึงผลิตพลังงานทดแทน และรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจรในพื้นที่ EEC
ทั้งนี้ หน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG ประจำปี 2568 ด้วยการคัดเลือกจาก 921 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,056 จุดข้อมูล และ TEGH ได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 13 หลักทรัพย์ให้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ในกลุ่มหลักทรัพย์ "บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน" หรือ ESG Emerging List
สำหรับหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี เพื่อใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG ซึ่งสะท้อนถึงการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการเติบโตทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง TEGH ได้พิสูจน์แล้วว่า ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือโอกาสในการสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้ถูกผสานไว้ในทุกกระบวนการ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แผนการดำนินงานของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท โดยคาดยอดขายยางแท่งปีนี้อยู่ที่ 250,000-280,000 ตัน โดยยังคงสัดส่วนยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่ 30-40% ในครึ่งปีแรก และประมาณ 50% ในครึ่งปีหลัง ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบจะเทิร์นอะราวด์กลับมาได้ หลังจากติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น พร้อมดำเนินการทดสอบและเดินเครื่องเครื่องจักรภายในไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปีนี้
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าจากชีวมวลที่ใช้ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิง จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของบริษัทในเครือลงได้ ด้านสายธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีนี้รับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟส 1 ได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 1/68 พร้อมเดินหน้าโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 เฟส 2 ต่อเนื่อง
**********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Maxbit พร้อมผลักดันนวัตกรรมการลงทุนคริปโตฯ ไปอีกขั้น ผ่านการเปิดตัวระบบ "Grid Trading" เป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย ระบุเป็นระบบที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้ลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาการเทรดเองได้
8 ก.ค. 2025
YLG เปิดปัจจัยหนุนราคาทองคำ ระบุยังมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาดปีนี้ทองคำยังมีลุ้นที่ 3,500 ดอลลาร์ หากผ่านได้มีโอกาสพุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 3,650 ดอลลาร์ หลังครึ่งปีแรกราคาพุ่งแล้ว 25% พร้อมเปิดสถิติย้อนหลัง 20 ปี พบผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.36%
8 ก.ค. 2025
GBS ประเมินภาพรวมหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวลงต่อ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แนะกลยุทธ์ลหลบภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง ชู ADVANC, PR9, TISCO, BGRIM เด่น
8 ก.ค. 2025