GCAP GOLD แนะกลยุทธ์ลงทุนทองคำ
GCAP GOLD ประเมินราคาทองคำยังเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่ผ่อนคลายลง ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง แนะกลยุทธ์ทยอยสะสมที่ Gold Spot ที่3,220 / 3,200 เหรียญ
นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด (GCAP GOLD) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำยังเผชิญแรงกดดันจากความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างประเทศและการทูตในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตัวแปรหลัก หากสถานการณ์ยังคงออกมาในเชิงบวก ราคาทองอาจเผชิญแรงขายต่อเนื่อง แต่หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ความเสี่ยงกลับมาเพิ่มขึ้น หรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอก็อาจหนุนให้ราคาทองฟื้นตัวได้
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการลงทุนในตลาดทองคำ ล่าสุดสหรัฐฯ และจีน ลุ้นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับถัดไปได้หรือไม่ก่อนเส้นตาย 9 กรกฎาคมนี้ หลังสหรัฐฯ และจีนลงนามข้อตกลงแรกไปแล้ว ซึ่งหากการเจรจาดำเนินไปอย่างราบรื่น อาจกดดันความต้องการทองคำต่อไป
ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ Core PCE ล่าสุดจะสูงกว่าคาดการณ์ แต่เจ้าหน้าที่เฟดอย่างนีล คัชคารี ยังส่งสัญญาณว่า มีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งตลาดอาจเริ่มเก็งกำไรเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะกลาง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาทองคำไว้
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามตัวเลขภาคแรงงาน ซึ่งจะประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm) ของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะลดลงจาก 139K เหลือ 120K ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะขยับขึ้นจาก 4.2% เป็น 4.3% หากการจ้างงานอ่อนตัวลงจริง ก็จะเป็นแรงหนุนราคาทองคำ
จากประเด็นดังกล่าว ฝ่ายวิจัย GCAP GOLD ประเมินกลยุทธ์การลงทุน โดยรอย่อซื้อ Gold Spot ที่ 3,220 / 3,200 เหรียญ โดยมองว่า ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มปรับฐานระยะสั้น มีกรอบแนวรับสำคัญที่ 3,220 / 3,200 เหรียญ (ราคาทองไทยประมาณ 50,000-49,700 บาท) ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 3,330-3,350 เหรียญ (ราคาทองไทยประมาณ 51,000-51,300 บาท) หากยืนเหนือได้ จะเป็นสัญญาณบวกระยะสั้น และอาจดันราคาไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 3,368-3,375 เหรียญ (ราคาทองไทยประมาณ 52,000 บาท) ซึ่งหากยืนได้จะเป็นจุดเปลี่ยนเทรนด์ระยะสั้นให้กลับตัวเป็นขาขึ้นต่อไป
***********************