YSS นับถอยหลังรอฤกษ์ขาย IPO
นายภิญโญ พานิชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ YSS ผู้ค้นคว้า วิจัย พัฒนา และเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายโช้คอัพประสิทธิภาพสูงชั้นนำระดับโลกของไทยสำหรับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ YSS เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์โช้คอัพประสิทธิภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ทั้งกลุ่มผู้แข่งรถมืออาชีพและกลุ่มผู้ใช้ยานยนต์ทั่วไป ผ่านการวิจัย พัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมวิจัยและพัฒนาใน 8 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ประเทศไทย เนเธอร์แลนด์ อิตาลี สเปน เยอรมัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ผลักดันให้ YSS เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์โช้คอัพสัญชาติไทยระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชนะการแข่งขันระดับโลก การันตีด้วยรางวัล Prime Ministers Export Award 2019 และมาตรฐานสินค้าระดับสากล อาทิ มาตรฐาน ABE จากสถาบัน KBA ประเทศเยอรมนี โดยมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
"บริษัทมีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถนำพาบริษัทให้เติบโตและก้าวผ่านความท้าทายต่างๆได้อย่างมั่นคง ส่งผลให้ YSS มีความพร้อมในการเติบโตและขยายธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์โช้คอัพประสิทธิภาพสูงในระดับโลกอย่างยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว" นายภิญโญ
ด้านนางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกัลบหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจาก YSS ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ แบ่งเป็นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทวาย.เอส.เอส. (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ Victory Rise Holding Limited ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
ภายหลังการระดมทุน บริษัทมีแผนนำเงินไปใช้ลงทุนในเครื่องจักรและปรับปรุงกระบวนการผลิต การวิจัย และพัฒนาสินค้าใหม่ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในหรือต่างประเทศ ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท และเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและได้รับการยอมรับในระดับโลก
**********************