YLG มองทองคำมีลุ้นแตะ 3,500 ดอลลาร์
อัพเดทล่าสุด: 8 ก.ค. 2025
5 ผู้เข้าชม
YLG เปิดปัจจัยหนุนราคาทองคำ ระบุยังมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สงครามการค้า ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งการเข้าซื้อสะสมของธนาคารกลางทั่วโลก และการเข้าซื้อของกองทุนทองคำ คาดปีนี้ทองคำยังมีลุ้นที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากผ่านได้มีโอกาสพุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังครึ่งปีแรกราคาพุ่งแล้ว 25% ขณะที่ทั้งปี 2567 ราคาโต 27% พร้อมเปิดสถิติย้อนหลัง 20 ปี พบผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.36%
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 25% ถือว่าปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงและเร็วเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ทั้งปีราคาปรับขึ้นไปที่ 27% โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องยังคงมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงสงครามการค้าหลังการรับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งแม้ว่า โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะส่งสัญญาณขยายเวลาการเจรจากับประเทศคู่ค้า หลังกล่าวว่า ภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ดีล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ โพสผ่าน Truth Social ขู่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 10% ต่อประเทศใดก็ตามที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเขาระบุว่าเป็น "นโยบายต่อต้านอเมริกา" นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง คือการเข้ามาซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ในลักษณะการซื้อทุกราคาโดยไม่ขายออกมา อีกทั้งมีแรงซื้อจากกองทุน ETF ทองคำที่เข้ามาลงทุนในทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ยิ่งทำให้ราคาทองทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มองสาเหตุที่ทองคำยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และไม่สามารถพิมพ์เพิ่มขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากเงินตราของประเทศต่างๆ ทองคำจึงสามารถป้องกันอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ขณะเดียวกัน สถิติย้อนหลัง 20 ปีพบว่า ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.36% ต่อปี ไม่เพียงเท่านี้ ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ในช่วงเกิดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 10% และทองคำมีความพิเศษคือมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้ทองคำได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะยาวปีนี้ YLG มองว่า ทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากสถานการณ์ความกังวลต่างๆ ยังไม่คลี่คลาย ก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ มีโอกาสขึ้นไปแตะ 53,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 56,200 บาทต่อบาททองคำ (โดยคาดการณ์ที่ค่าเงินบาทระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
***********************
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 25% ถือว่าปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงและเร็วเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ทั้งปีราคาปรับขึ้นไปที่ 27% โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องยังคงมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงสงครามการค้าหลังการรับตำแหน่งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งแม้ว่า โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะส่งสัญญาณขยายเวลาการเจรจากับประเทศคู่ค้า หลังกล่าวว่า ภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ดีล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ โพสผ่าน Truth Social ขู่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมในอัตรา 10% ต่อประเทศใดก็ตามที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเขาระบุว่าเป็น "นโยบายต่อต้านอเมริกา" นอกจากนี้ ยังมาจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่นในตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง คือการเข้ามาซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ในลักษณะการซื้อทุกราคาโดยไม่ขายออกมา อีกทั้งมีแรงซื้อจากกองทุน ETF ทองคำที่เข้ามาลงทุนในทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ยิ่งทำให้ราคาทองทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มองสาเหตุที่ทองคำยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และไม่สามารถพิมพ์เพิ่มขึ้นมาใหม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากเงินตราของประเทศต่างๆ ทองคำจึงสามารถป้องกันอัตราเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ขณะเดียวกัน สถิติย้อนหลัง 20 ปีพบว่า ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.36% ต่อปี ไม่เพียงเท่านี้ ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ในช่วงเกิดความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 10% และทองคำมีความพิเศษคือมีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้ทองคำได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย
สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของทองคำในระยะยาวปีนี้ YLG มองว่า ทองคำยังมีโอกาสขึ้นไปแตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากสถานการณ์ความกังวลต่างๆ ยังไม่คลี่คลาย ก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 3,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ มีโอกาสขึ้นไปแตะ 53,800 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านถัดไปที่ 56,200 บาทต่อบาททองคำ (โดยคาดการณ์ที่ค่าเงินบาทระดับ 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
***********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Maxbit พร้อมผลักดันนวัตกรรมการลงทุนคริปโตฯ ไปอีกขั้น ผ่านการเปิดตัวระบบ "Grid Trading" เป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย ระบุเป็นระบบที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้ลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาการเทรดเองได้
8 ก.ค. 2025
GBS ประเมินภาพรวมหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวลงต่อ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แนะกลยุทธ์ลหลบภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง ชู ADVANC, PR9, TISCO, BGRIM เด่น
8 ก.ค. 2025
MPJ เตรียมเปิดพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ 2 โครงการย่านทำเลทองโลจิสติกส์ ลาดกระบัง แหลมฉบัง ต่อยอดการขนส่ง และท่าเรือ รองรับดีมานด์กลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ภายใต้กลยุทธ์การขยายการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV มั่นใจช่วยหนุนผลงานปีนี้โตที่ระดับ 20% ตามแผน
8 ก.ค. 2025