LEO ยันทีมผู้บริหารกอดหุ้นแน่น
อัพเดทล่าสุด: 21 ม.ค. 2025
130 ผู้เข้าชม
LEO ออกตัวสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้น รวมทั้งนักลงทุน ระบุมีผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการนำหุ้นไปวางค้ำประกันเงินกู้ สุดท้ายถูก Forced Sell ส่งผลให้ราคาหุ้นกระดานปรับตัวลดลงแรง ยันทีมผู้บริหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังกอดหุ้น LEO อย่างเหนียวแน่น การันตีพื้นฐานธุรกิจยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก จากการขยายฐานธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ดันผลงานปี 68 โตระดับ 20-25% ตามเป้าที่วางไว้
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า จากกรณีการขายหุ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 มีปริมาณการซื้อขายหุ้น LEO ในลักษณะที่ไม่ปกติ และราคาลดลงมามาก เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นผู้ถือหุ้นรุ่นก่อตั้งของบริษัทที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการ นำหุ้นไปวางค้ำประกันเงินกู้ และถูกบังคับขายหุ้นออกมา (Forced Sell)
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคลและไม่ได้เกี่ยวของกับบริษัทหรือคณะกรรมการของบริษัท เนื่องจากเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล โดยผู้ที่นำหุ้นไปค้ำประกันดังกล่าวไม่ได้เป็นคณะกรรมการของบริษัท อีกทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารจัดการบริษัทให้เป็นไปตามแผน ชูกลยุทธ์ LEO Go Green ยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างความยั่งยืน พร้อมต่อยอดธุรกิจ Non-freight และ Non-Logistics สร้างรายได้เพิ่มจากการบริการจัดการด้าน Warehouse / Distribution Center ดันผลงานปี 2568 ให้มีการเติบโต 20-25% และมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics เพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างน้อย 30-35% ของภาพรายได้รวม และทำให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้น
"ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ LEO ยืนยันว่ายังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความมั่นคงของบริษัท และที่ผ่านมาก็มีแต่ทยอยเก็บซื้อหุ้นเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปี 2567 ที่ผ่านมา ตนและภรรยาก็ยังมีการซื้อหุ้นของ LEO รวมกันเป็นจำนวน 600,000 หุ้น"
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 ทาง LEO เดินตามแผนยุทธศาสตร์ LEO Go Green ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-25% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ (New Business Units) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขาถนนพระราม 4 รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express การขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัท Sritrang LEO Multimodal Logistics การให้บริการศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าของบริษัท Advantis LEO และการส่งออกสินค้าทุเรียนไปยังประเทศจีนจากบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ซึ่งบริษัทดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนของรายได้มาเป็น 30-35% จากยอดรวมของบริษัทใน 1-2 ปีข้างหน้า รวมถึงโครงการ JV และ M&A อีกหลายโครงการที่อยู่ในแผนธุรกิจในปี2568
"เชื่อมั่นว่า ปี 2568 รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งธุรกิจของ Non-Logistics Business จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน"
สำหรับหนึ่งในแผนการสำคัญของ LEO ในปี 2568 คือการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟจีน-ไทย ด้วยตู้ Reefer Containers ให้เป็นระบบแบบขนส่ง Round trip มีสินค้าขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศจีน-ไทย โดย LEO จะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากประเทศไทยมายังจีน และทางฝ่ายจีนก็จะช่วยหาสินค้าส่งออกจากประเทศจีนกลับมายังประเทศไทย โดย LEO มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ End-to-End Global Logistics Service Provider และเครือข่ายของ LaneXang Express ในประเทศจีนและไทยจะสามารถช่วยยกระดับการให้บริการเข้าสู่มาตรฐานสากล ผลักดันให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างจีน-ไทย ให้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าทั้งในประเทศไทยและจีน
"บริษัทมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ LEO จึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่พร้อมส่งมอบบริการโลจิสติกส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ LEO Go Green สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างแท้จริง" นายเกตติวิทย์ กล่าว
************************
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า จากกรณีการขายหุ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 มีปริมาณการซื้อขายหุ้น LEO ในลักษณะที่ไม่ปกติ และราคาลดลงมามาก เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นผู้ถือหุ้นรุ่นก่อตั้งของบริษัทที่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการ นำหุ้นไปวางค้ำประกันเงินกู้ และถูกบังคับขายหุ้นออกมา (Forced Sell)
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคลและไม่ได้เกี่ยวของกับบริษัทหรือคณะกรรมการของบริษัท เนื่องจากเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล โดยผู้ที่นำหุ้นไปค้ำประกันดังกล่าวไม่ได้เป็นคณะกรรมการของบริษัท อีกทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารจัดการบริษัทให้เป็นไปตามแผน ชูกลยุทธ์ LEO Go Green ยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรอย่างความยั่งยืน พร้อมต่อยอดธุรกิจ Non-freight และ Non-Logistics สร้างรายได้เพิ่มจากการบริการจัดการด้าน Warehouse / Distribution Center ดันผลงานปี 2568 ให้มีการเติบโต 20-25% และมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics เพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างน้อย 30-35% ของภาพรายได้รวม และทำให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้น
"ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ LEO ยืนยันว่ายังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและความมั่นคงของบริษัท และที่ผ่านมาก็มีแต่ทยอยเก็บซื้อหุ้นเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปี 2567 ที่ผ่านมา ตนและภรรยาก็ยังมีการซื้อหุ้นของ LEO รวมกันเป็นจำนวน 600,000 หุ้น"
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 ทาง LEO เดินตามแผนยุทธศาสตร์ LEO Go Green ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-25% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ (New Business Units) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขาถนนพระราม 4 รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express การขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศของบริษัท Sritrang LEO Multimodal Logistics การให้บริการศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าของบริษัท Advantis LEO และการส่งออกสินค้าทุเรียนไปยังประเทศจีนจากบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ซึ่งบริษัทดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้เกิดรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนของรายได้มาเป็น 30-35% จากยอดรวมของบริษัทใน 1-2 ปีข้างหน้า รวมถึงโครงการ JV และ M&A อีกหลายโครงการที่อยู่ในแผนธุรกิจในปี2568
"เชื่อมั่นว่า ปี 2568 รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งธุรกิจของ Non-Logistics Business จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน"
สำหรับหนึ่งในแผนการสำคัญของ LEO ในปี 2568 คือการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟจีน-ไทย ด้วยตู้ Reefer Containers ให้เป็นระบบแบบขนส่ง Round trip มีสินค้าขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศจีน-ไทย โดย LEO จะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากประเทศไทยมายังจีน และทางฝ่ายจีนก็จะช่วยหาสินค้าส่งออกจากประเทศจีนกลับมายังประเทศไทย โดย LEO มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ End-to-End Global Logistics Service Provider และเครือข่ายของ LaneXang Express ในประเทศจีนและไทยจะสามารถช่วยยกระดับการให้บริการเข้าสู่มาตรฐานสากล ผลักดันให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างจีน-ไทย ให้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าทั้งในประเทศไทยและจีน
"บริษัทมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกิจกรรมและบริการโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ LEO จึงได้ประกาศแผนกลยุทธ์ที่พร้อมส่งมอบบริการโลจิสติกส์ภายใต้คอนเซ็ปต์ LEO Go Green สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างแท้จริง" นายเกตติวิทย์ กล่าว
************************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Capital One น้อมรับคำสั่งและเคารพการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.หลังมีคำสั่งพักการให้ความเห็นชอบในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นระยะเวลา 1 ปี ด้านผู้บริหารยัน ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจำกัดอยู่เฉพาะในกระบวนการตรวจสอบสถานะกิจการบางส่วน ยันไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต การตกแต่งข้อมูลทางบัญชี หรือการให้ข้อมูลเท็จเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
23 มิ.ย. 2025
NDR ปลุกกระแสยางรถจักรยานยนต์ ผุดแคมเปญ "PROUD TO BE INTREND" เปิดตัว "ลำไย ไหทองคำ" ขึ้นแท่น Brand Ambassador ส่งเสริมกลยุทธ์ทางการตลาด สร้างแบรนด์ ND Rubber ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้านแผนการปีนี้ รุกขยายฐานกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ วางเป้ารายได้แตะระดับ 1,000 ล้าน
23 มิ.ย. 2025
MEDEZE ให้การต้อนรับ "พล.อ.เลิศรัตน์" เข้ารับบริการ "การเก็บสเต็มเซลล์จากไขมัน" เพื่อวางรากฐานสุขภาพระยะยาวและการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืนในอนาคต ระบุนับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความสนใจในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ทั้งยังสามารถดำเนินการได้ในทุกช่วงวัย
23 มิ.ย. 2025