ECF ปรับกลยุทธ์หาช่องทางเพิ่มรายได้
อัพเดทล่าสุด: 5 มี.ค. 2025
116 ผู้เข้าชม
ECF เผยทิศทางธุรกิจปี 2568 เร่งปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ หลังผลงานปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง ระบุเป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดียที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เล็งเพิ่มความสามารถการทำกำไร มุ่งเน้นขายสินค้ามาร์จิ้นสูง ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุน เร่งเครื่องธุรกิจย่อย ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู เฟส 2 ธุรกิจตรวจสอบอัตลักษณ์ ขยายฐานรายได้เพิ่ม คาดเริ่มเห็นความชัดเจนไตรมาส 2/68
นายพชรฐณพงษ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทวางกลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน การบริหารและการขายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดค่าใช้จ่ายในทุกด้าน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มความสารมารถในการทำกำไร อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงในตลาดที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานรายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้ามินบู ซึ่งมีแผนเร่งดำเนินงานเฟส 2 ให้สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการพัฒนาธุรกิจการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล (KYC business) ซึ่งจะเร่งขยายฐานลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท
ด้านผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,363.43 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,374.50 ล้านบาท หรือ ลดลง 2% โดยภาพรวมผลประกอบการปรับตัวลดลง เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการประกาศใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลอินเดียประกาศให้เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการปรับตัวต่อมาตรฐานดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว อีกทั้งต้นทุนขาย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนการปรับปรุงกระบวนการผลิต ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายแรงงานและอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
"อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานให้กลับมาเป็นบวก โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/68 เป็นต้นไป พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว" นายพชรฐณพงษ กล่าว
***********************
นายพชรฐณพงษ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทวางกลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุน การบริหารและการขายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดค่าใช้จ่ายในทุกด้าน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มความสารมารถในการทำกำไร อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงในตลาดที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานรายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้ามินบู ซึ่งมีแผนเร่งดำเนินงานเฟส 2 ให้สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการพัฒนาธุรกิจการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล (KYC business) ซึ่งจะเร่งขยายฐานลูกค้าภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท
ด้านผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,363.43 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,374.50 ล้านบาท หรือ ลดลง 2% โดยภาพรวมผลประกอบการปรับตัวลดลง เป็นผลจากปริมาณคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการประกาศใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลอินเดียประกาศให้เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการปรับตัวต่อมาตรฐานดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว อีกทั้งต้นทุนขาย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ต้นทุนทางการเงิน ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนการปรับปรุงกระบวนการผลิต ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายแรงงานและอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
"อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า การปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญในการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานให้กลับมาเป็นบวก โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/68 เป็นต้นไป พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว" นายพชรฐณพงษ กล่าว
***********************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Maxbit พร้อมผลักดันนวัตกรรมการลงทุนคริปโตฯ ไปอีกขั้น ผ่านการเปิดตัวระบบ "Grid Trading" เป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย ระบุเป็นระบบที่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ผู้ลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาการเทรดเองได้
8 ก.ค. 2025
YLG เปิดปัจจัยหนุนราคาทองคำ ระบุยังมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คาดปีนี้ทองคำยังมีลุ้นที่ 3,500 ดอลลาร์ หากผ่านได้มีโอกาสพุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดที่ 3,650 ดอลลาร์ หลังครึ่งปีแรกราคาพุ่งแล้ว 25% พร้อมเปิดสถิติย้อนหลัง 20 ปี พบผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.36%
8 ก.ค. 2025
GBS ประเมินภาพรวมหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวลงต่อ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% กดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีการค้าโลก แนะกลยุทธ์ลหลบภัยช่วงตลาดหุ้นขาลง ชู ADVANC, PR9, TISCO, BGRIM เด่น
8 ก.ค. 2025