แชร์

MPJ เปิดเกมรุกสู้ศึก TRADE WAR

อัพเดทล่าสุด: 8 พ.ค. 2025
6 ผู้เข้าชม
MPJ เปิดเกมสู้ศึกสงครามการค้า เดินหน้าปรับกลยุทธต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ พร้อมขยายช่องทางการขนส่ง เพิ่มสัดส่วนทางการค้าในกลุ่มอาเซียนและตะวันออกกลาง บริหารความเสี่ยงเชิงรุก ลดการพึ่งพาตลาดเดียว ระบุประเทศไทยมีศักยภาพ สามารถขึ้นแท่นเป็น HUB การค้าระหว่างประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

               นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรและผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในด้านห่วงโซ่อุปทานโลกมีการปรับเปลี่ยนท่ามกลางวิกฤติสงครามการค้า ทั้งต้นทุน การขนส่ง และเส้นทางใหม่ ส่งผลให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะได้รับโอกาสเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งใหม่ จากการนำเทคโนโลยีสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ซึ่งถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่เข้ามาช่วยรับมือสงครามการค้าและสร้างการเติบโตในอนาคต

               จากปัจจัยกล่าว บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการกระจายตลาด และขยายเส้นทางการค้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงตลาดเดียว โดยเบื้องต้นได้ปรับกลยุทธ์ด้านบริหารจัดการต้นทุน และขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ในภูมิภาคเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพ และสามารถขึ้นมาเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เพราะมีชายแดนที่เป็นจุดเชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศ และท่าเรือน้ำลึก โดยสามารถทำเรื่อง import & export หรือ ทำ In-transit shipment ได้ ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ในภาคส่วน international logistics ได้อย่างชัดเจน รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมอีกหลากหลาย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อาหาร และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น

               อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนกลยุทธ์การขยายไปในต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศสหรัฐฯ เป็นประเทศเป้าหมาย แต่ด้วยสถานการณ์สงครามการค้า ทำให้บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์การขยายช่องทางการขนส่งในประเทศและข้ามแดน โดยเพิ่มสัดส่วนทางการค้าในกลุ่มอาเซียนและตะวันออกกลาง เพื่อบริหารความเสี่ยงเชิงรุกควบคู่ไปด้วย

               ขณะเดียวกัน จากข้อมูลอ้างอิงศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินว่า ธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้น จากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มาพร้อมกับการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น และประเมินว่า ในปี 2568 รายได้ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์จะเติบโตอยู่ที่ 3.40 % จากปีก่อน และมีมูลค่าอยู่ที่ 9 แสนล้านบาท รวมทั้งยังมี 2 เทรนด์ธุรกิจโลจิสติกส์ที่กำลังเติบโตในปีนี้ ได้แก่ เทรนด์ Green logistics ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในไทยได้เริ่มให้บริการ Green logistics มากขึ้น และเทรนด์ Logistics technology (Log Tech) ที่เข้ามาช่วยยกระดับการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ให้สะดวกรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดต้นทุนบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

***********************

บทความที่เกี่ยวข้อง
SPREME โชว์งบ Q1/68 กำไรเพิ่ม 6.4%
SPREME เปิดงบไตรมาส 1/68 มีรายได้ 177.83 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 21.80 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 29.69% สูงกว่าเป้าที่วางไว้ พร้อมเดินหน้ารุกงานประมูลงาน Mega Project เร่งปิดดีล M&A เติมงานในมือที่ตุนไว้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าผลงานปีนี้เติบโต 10-15%
8 พ.ค. 2025
PREB เสนอขายหุ้นกู้ ชูดอกเบี้ย 5.25-5.40%
PREB เตรียมออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาท อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.40% ต่อปี ชูเรทติ้งระดับ BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต Stable เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคืนเงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
8 พ.ค. 2025
SAFE  ย้ำเป้ารายได้ทั้งปีโต 15-20%
SAFE ประกาศผลงานโค้งแรกอวดกำไรที่ 32.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.75% จากไตรมาสก่อน ระบุเป็นผลจากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก เผยแนวโน้มธุรกิจคลินิกเพื่อการมีบุตรยังเติบโตได้ดี จากรอบการเก็บไข่และฝังตัวอ่อนที่เพิ่มขึ้น ประเมินรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% ตามแผน
8 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy