TWPC โชว์กำไรไตรมาส 1/68 โต 77%
อัพเดทล่าสุด: 12 พ.ค. 2025
48 ผู้เข้าชม
TWPC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 กำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% ตอกย้ำศักยภาพในการพลิกฟื้นด้วยผลกำไรที่ดีขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน สามารถปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมปักหมุดปี 73 เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงเป็น 2 เท่า ผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยม อันเป็นผลจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมียอดขายรวม 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ 285 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกำไร 12% ของยอดขาย ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core EBIT) อยู่ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง การบริหารจัดการต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยธุรกิจอาหารของไทยวาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ในไทยและเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้ผนึกกำลังกับ ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขยายไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
นอกจากนี้ ไทยวา กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวโรดแมป " Thai Wah 2030" ซึ่งเป็นแผนทรานสฟอร์มองค์กรในระยะยาว ที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างการเติบโต พัฒนานวัตกรรม และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก ผ่านการสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง การลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และดำเนินการตามแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในระดับสากล โดยนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจในประเทศเวียดนาม และผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานของไทยวา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเลข 2 หลักมาตลอด 5 ปี ขณะเดียวกัน ไทยวายังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความยั่งยืน และการขยายพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผน Thai Wah 2030 สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยอาหารและนวัตกรรม ไทยวาเดินหน้าพลิกโฉมองค์กรครั้งสำคัญ โดยขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์หลักใน 3 ด้าน ที่ตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายภายในปี 2573 ได้แก่ เดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอ ไทยวาตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ให้เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 โดยจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้สูงที่สุด และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายนอกเหนือจากวุ้นเส้น เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า เส้นมันเทศ วุ้นเส้นสด วุ้นเส้นแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean sheet) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง เส้นหมี่สด เส้นหมี่แห้ง เส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุงและพร้อมรับประทานต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ Clean-label รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน และปลอด GMO เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอนี้ส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น จากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและพรีเมียมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง โดยมุ่งขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือต่างๆ ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชน รวม 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยวา ยังคงสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัทได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงาน โดยได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไร เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนโมเดลของธุรกิจ HVA ของไทยวา มีการจัดการที่ดีตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหาร B2B ของบริษัทถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือฟิลิปปินส์ โดยธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลังและส่วนประกอบอาหารที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า นับเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไทยวามีลูกค้า HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก
"TWPC เ ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชียภายในปี 2573 โดยจะพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวน และมีเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการ แต่เราต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้กับผู้บริโภคในเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ ด้วยความแข็งแกร่งด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกปี"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังมีความท้าทาย แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทจะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องในปีต่อๆ ไปจนถึง 2573 นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยวายังได้รับรางวัลหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุด จาก HR Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งพิสูจน์ถึงความใส่ใจในการดูแลสุขภาวะของพนักงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของไทยวาตลอดมา
***************************
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยม อันเป็นผลจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมียอดขายรวม 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ 285 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกำไร 12% ของยอดขาย ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core EBIT) อยู่ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง การบริหารจัดการต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยธุรกิจอาหารของไทยวาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ในไทยและเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้ผนึกกำลังกับ ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขยายไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
นอกจากนี้ ไทยวา กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวโรดแมป " Thai Wah 2030" ซึ่งเป็นแผนทรานสฟอร์มองค์กรในระยะยาว ที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างการเติบโต พัฒนานวัตกรรม และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก ผ่านการสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง การลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และดำเนินการตามแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในระดับสากล โดยนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจในประเทศเวียดนาม และผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานของไทยวา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเลข 2 หลักมาตลอด 5 ปี ขณะเดียวกัน ไทยวายังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความยั่งยืน และการขยายพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผน Thai Wah 2030 สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยอาหารและนวัตกรรม ไทยวาเดินหน้าพลิกโฉมองค์กรครั้งสำคัญ โดยขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์หลักใน 3 ด้าน ที่ตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายภายในปี 2573 ได้แก่ เดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอ ไทยวาตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ให้เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 โดยจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้สูงที่สุด และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายนอกเหนือจากวุ้นเส้น เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า เส้นมันเทศ วุ้นเส้นสด วุ้นเส้นแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean sheet) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง เส้นหมี่สด เส้นหมี่แห้ง เส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุงและพร้อมรับประทานต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ Clean-label รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน และปลอด GMO เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอนี้ส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น จากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและพรีเมียมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง โดยมุ่งขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือต่างๆ ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชน รวม 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยวา ยังคงสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัทได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงาน โดยได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไร เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนโมเดลของธุรกิจ HVA ของไทยวา มีการจัดการที่ดีตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหาร B2B ของบริษัทถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือฟิลิปปินส์ โดยธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลังและส่วนประกอบอาหารที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า นับเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไทยวามีลูกค้า HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก
"TWPC เ ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชียภายในปี 2573 โดยจะพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวน และมีเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการ แต่เราต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้กับผู้บริโภคในเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ ด้วยความแข็งแกร่งด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกปี"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังมีความท้าทาย แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทจะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องในปีต่อๆ ไปจนถึง 2573 นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยวายังได้รับรางวัลหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุด จาก HR Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งพิสูจน์ถึงความใส่ใจในการดูแลสุขภาวะของพนักงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของไทยวาตลอดมา
***************************
บทความที่เกี่ยวข้อง
Capital One น้อมรับคำสั่งและเคารพการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.หลังมีคำสั่งพักการให้ความเห็นชอบในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นระยะเวลา 1 ปี ด้านผู้บริหารยัน ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจำกัดอยู่เฉพาะในกระบวนการตรวจสอบสถานะกิจการบางส่วน ยันไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต การตกแต่งข้อมูลทางบัญชี หรือการให้ข้อมูลเท็จเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
23 มิ.ย. 2025
NDR ปลุกกระแสยางรถจักรยานยนต์ ผุดแคมเปญ "PROUD TO BE INTREND" เปิดตัว "ลำไย ไหทองคำ" ขึ้นแท่น Brand Ambassador ส่งเสริมกลยุทธ์ทางการตลาด สร้างแบรนด์ ND Rubber ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้านแผนการปีนี้ รุกขยายฐานกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ วางเป้ารายได้แตะระดับ 1,000 ล้าน
23 มิ.ย. 2025
MEDEZE ให้การต้อนรับ "พล.อ.เลิศรัตน์" เข้ารับบริการ "การเก็บสเต็มเซลล์จากไขมัน" เพื่อวางรากฐานสุขภาพระยะยาวและการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืนในอนาคต ระบุนับเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับความสนใจในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ทั้งยังสามารถดำเนินการได้ในทุกช่วงวัย
23 มิ.ย. 2025