TWPC โชว์กำไรไตรมาส 1/68 โต 77%
อัพเดทล่าสุด: 12 พ.ค. 2025
7 ผู้เข้าชม
TWPC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 กำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% ตอกย้ำศักยภาพในการพลิกฟื้นด้วยผลกำไรที่ดีขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน สามารถปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมปักหมุดปี 73 เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงเป็น 2 เท่า ผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยม อันเป็นผลจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมียอดขายรวม 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ 285 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกำไร 12% ของยอดขาย ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core EBIT) อยู่ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง การบริหารจัดการต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยธุรกิจอาหารของไทยวาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ในไทยและเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้ผนึกกำลังกับ ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขยายไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
นอกจากนี้ ไทยวา กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวโรดแมป " Thai Wah 2030" ซึ่งเป็นแผนทรานสฟอร์มองค์กรในระยะยาว ที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างการเติบโต พัฒนานวัตกรรม และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก ผ่านการสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง การลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และดำเนินการตามแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในระดับสากล โดยนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจในประเทศเวียดนาม และผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานของไทยวา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเลข 2 หลักมาตลอด 5 ปี ขณะเดียวกัน ไทยวายังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความยั่งยืน และการขยายพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผน Thai Wah 2030 สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยอาหารและนวัตกรรม ไทยวาเดินหน้าพลิกโฉมองค์กรครั้งสำคัญ โดยขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์หลักใน 3 ด้าน ที่ตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายภายในปี 2573 ได้แก่ เดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอ ไทยวาตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ให้เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 โดยจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้สูงที่สุด และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายนอกเหนือจากวุ้นเส้น เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า เส้นมันเทศ วุ้นเส้นสด วุ้นเส้นแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean sheet) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง เส้นหมี่สด เส้นหมี่แห้ง เส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุงและพร้อมรับประทานต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ Clean-label รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน และปลอด GMO เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอนี้ส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น จากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและพรีเมียมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง โดยมุ่งขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือต่างๆ ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชน รวม 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยวา ยังคงสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัทได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงาน โดยได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไร เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนโมเดลของธุรกิจ HVA ของไทยวา มีการจัดการที่ดีตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหาร B2B ของบริษัทถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือฟิลิปปินส์ โดยธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลังและส่วนประกอบอาหารที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า นับเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไทยวามีลูกค้า HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก
"TWPC เ ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชียภายในปี 2573 โดยจะพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวน และมีเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการ แต่เราต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้กับผู้บริโภคในเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ ด้วยความแข็งแกร่งด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกปี"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังมีความท้าทาย แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทจะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องในปีต่อๆ ไปจนถึง 2573 นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยวายังได้รับรางวัลหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุด จาก HR Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งพิสูจน์ถึงความใส่ใจในการดูแลสุขภาวะของพนักงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของไทยวาตลอดมา
***************************
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทมีกำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยม อันเป็นผลจากการวางแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตมาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยมียอดขายรวม 2,299 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ 285 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกำไร 12% ของยอดขาย ส่วนกำไรจากการดำเนินงานหลัก 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core EBIT) อยู่ที่ 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลสำเร็จเหล่านี้เกิดจากการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรสูง การบริหารจัดการต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยธุรกิจอาหารของไทยวาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัว ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ในไทยและเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้ผนึกกำลังกับ ฟูจิ นิฮอน คอร์ปอเรชัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขยายไปยังตลาดส่วนผสมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก"
นอกจากนี้ ไทยวา กรุ๊ป ยังได้เปิดตัวโรดแมป " Thai Wah 2030" ซึ่งเป็นแผนทรานสฟอร์มองค์กรในระยะยาว ที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างการเติบโต พัฒนานวัตกรรม และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก ผ่านการสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง การลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และดำเนินการตามแนวทางด้านความยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ในระดับสากล โดยนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ธุรกิจอาหาร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจในประเทศเวียดนาม และผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานของไทยวา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราเลข 2 หลักมาตลอด 5 ปี ขณะเดียวกัน ไทยวายังคงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความยั่งยืน และการขยายพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผน Thai Wah 2030 สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยอาหารและนวัตกรรม ไทยวาเดินหน้าพลิกโฉมองค์กรครั้งสำคัญ โดยขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์หลักใน 3 ด้าน ที่ตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายภายในปี 2573 ได้แก่ เดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอ ไทยวาตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม ให้เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 โดยจะเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้สูงที่สุด และขยายไปยังตลาดใหม่ๆ กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายนอกเหนือจากวุ้นเส้น เช่น แผ่นแป้งข้าวเจ้า เส้นมันเทศ วุ้นเส้นสด วุ้นเส้นแห้ง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (Bean sheet) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทานแบบซอง เส้นหมี่สด เส้นหมี่แห้ง เส้นก๋วยเตี๋ยวออร์แกนิก รวมถึงผลิตภัณฑ์พร้อมปรุงและพร้อมรับประทานต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเป็นผู้เล่นในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ Clean-label รวมถึงผลิตภัณฑ์ปราศจากกลูเตน และปลอด GMO เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ การเดินหน้าปรับพอร์ทโฟลิโอนี้ส่งผลให้ไทยวามี EBITDA และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น จากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและพรีเมียมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายสู่ตลาดศักยภาพสูง โดยมุ่งขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก และจีน โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำตลาด 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักในตลาดเหล่านี้ให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและความร่วมมือต่างๆ ปัจจุบัน ไทยวามีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยมีสำนักงานขาย การตลาด การจัดจำหน่าย และซัพพลายเชน รวม 10 แห่ง ใน 7 ประเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสัดส่วนผลกำไร ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทยวา ยังคงสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา บริษัทได้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและขั้นตอนการดำเนินงาน โดยได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำไร เช่น การปรับปรุงต้นทุนในส่วนซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่วนโมเดลของธุรกิจ HVA ของไทยวา มีการจัดการที่ดีตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ซึ่งเครือข่ายการขายและการจัดจำหน่ายอาหาร B2B ของบริษัทถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานในอินเดีย อินโดนีเซีย และล่าสุดคือฟิลิปปินส์ โดยธุรกิจ HVA และโซลูชันแป้งมันสำปะหลังและส่วนประกอบอาหารที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า นับเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันไทยวามีลูกค้า HVA มากกว่า 100 รายทั่วโลก
"TWPC เ ตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอาหารของเอเชียภายในปี 2573 โดยจะพัฒนานวัตกรรมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกด้านอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะผันผวน และมีเรื่องภาษีที่ต้องบริหารจัดการ แต่เราต้องเร่งปรับตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และพร้อมตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ไทยวาจะเดินหน้าพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารให้กับผู้บริโภคในเอเชีย และสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคนี้ ด้วยความแข็งแกร่งด้านการขาย การตลาด และการจัดจำหน่าย ทั้งในกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ภายใต้เป้าหมายที่เป็นเลิศ คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ได้มากกว่า 10 รายการในทุกปี"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังมีความท้าทาย แต่ไทยวายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทจะเร่งพัฒนาสินค้าในกลุ่มอาหาร และดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไร โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมี EBITDA อย่างน้อย 1 พันล้านบาทต่อปี และต่อเนื่องในปีต่อๆ ไปจนถึง 2573 นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยวายังได้รับรางวัลหนึ่งในบริษัทที่น่าทำงานที่สุด จาก HR Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งพิสูจน์ถึงความใส่ใจในการดูแลสุขภาวะของพนักงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของไทยวาตลอดมา
***************************
บทความที่เกี่ยวข้อง
READY เผยผลประกอบการไตรมาส 1/68 เติบโตโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร พร้อมสร้างสถิติใหม่ด้วยรายได้จากการให้บริการสูงสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.27 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% สะท้อนผลสำเร็จจากการดำเนินกลยุทธ์รุกตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
12 พ.ค. 2025
PANEL โชว์ผลงานโค้งแรก Q1/68 รายได้แตะ 40.31 ล้านบาท โต 50.41 % ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 196.25 % ด้านแผนการดำเนินงาน งานเตรียมเปิดโรงงานใหม่ ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 % พร้อมลุยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ มั่นใจดันรายได้รวมทั้งปีนี้ เติบโตตามที่ระดับ 40%
12 พ.ค. 2025
FTI ประกาศไตรมาส 1/68 มีรายได้รวม 203.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.02% หลังยอดขายกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เผยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงกลางปี ขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ AQUATEK อย่างต่อเนื่อง
12 พ.ค. 2025