PTG โชว์ผลงาน Q1 มีรายได้กว่า 5.7 หมื่นล.
PTG โชว์ผลงสยงวดไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 57,407 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้นถึง 32.2% ชูกาแฟพันธุ์ไทยโตกว่าเท่าตัวจากปีก่อน มีการขยายสาขาเฉลี่ย 1.5 สาขาต่อวัน พร้อมรักษาส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านสถานีบริการ เพิ่มขึ้นเป็น 22.1% จากการสร้างความภักดีในกลุ่มสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่มีมากกว่า 25 ล้านคน เผยประเมินแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังยังเติบโตแข็งแกร่ง จากธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทย
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/68 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 57,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 5,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.2% เป็นการเติบโตที่มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยมีรายได้จากการขายและการบริการเท่ากับ 959 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน และ 32.2% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/68 มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,476 สาขา เพิ่มขึ้น 55.9%หรือคิดเป็น 529 สาขา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการขยายสาขามากกว่า 1.5 สาขาต่อวัน ประกอบกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) การกลับมาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 1,329 ล้านบาท เติบโต 55.1% เป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตโดดเด่น โดยมีกำไรขั้นต้น 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.4%
สำหรับแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังของปี 2568 เชื่อว่ายังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องด้วย และความภักดีของกลุ่มสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่มีความแข็งแกร่งในการใช้บริการภายใต้ระบบนิเวศ Max World
"ช่วงต้นปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงที่บริษัทลุยพัฒนาธุรกิจตามแผน โดยเฉพาะธุรกิจ Non-Oil แต่ผลการดำเนินงานโดยรวมถือว่ายังมีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างเห็นได้ชัด จากกาแฟพันธุ์ไทยที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญจากแผนขยายสาขา และยอดขายจากสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าสมาชิกเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจ Oil มีมาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันสูงถึง 22.1% โดยบริษัทยังคงเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร เพื่อเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทได้อย่าง อยู่ดี มีสุข" นายพิทักษ์ กล่าว
***********************