เชียร์ซื้อหุ้น WICE ให้เป้า 7 บ./หุ้น
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในโครงการต่างๆ เช่น ธุรกิจการให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จาก สปป.ลาว มายังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อส่งอกไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้นอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของโรงงานที่ สปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4/67 และจะสร้างรายได้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี
ส่วนโครงการให้บริการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นโครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/67
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ จากอัตราค่าระวางที่ปรับตัวดีขึ้นและผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว พร้อมปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ทั้งทางเรือและทางอากาศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ทั้งสหรัฐฯ และจีน ทำให้เห็นปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการขยายธุรกิจของบริษัทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ รวมไปถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน เพื่อขยายช่องทางการให้บริการและฐานลูกค้า และการขยายพื้นที่ในการบริหารคลังสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดการณ์รายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน
"ปีนี้สถานการณ์ของธุรกิจขนส่งทั้งปริมาณการส่งขนและค่าระวาง น่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ จากที่ช่วงหลังโควิดค่าระวางปรับขึ้นค่อนข้างแรง และต่อมามีการปรับตัวลงแรงในช่วงปี 2566 ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ครึ่งปีหลังถือว่าเป็นช่วงไฮซีซัน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่น้อยกว่า 20%" นายชูเดช กล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป ระบุว่า คาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานของ WICE งวดครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มกำไรดีขึ้นจากงวดครึ่งปีแรก และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนมาก จากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยอัตราค่าขนส่งทั้งทางทะเล และทางอากาศ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล นอกจากนี้ จะรับรู้รายได้โครงการใหม่ 2 โครงการและการจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มแห่งที่ 5 ในจีน และในประเทศฟิลิปปินส์ โดยได้ปรับกําไรปีนี้ขึ้น 14.8% เป็น 241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.4% จากปีก่อน ส่วนความเหมาะสมของราคาหุ้น ได้ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานขึ้นเป็นหุ้นละ 7 บาท พร้อมยังคงคำแนะนำซื้อ
*****************