เชียร์ซื้อ KJL เคาะเป้า 9.90 บ./หุ้น
อัพเดทล่าสุด: 31 ม.ค. 2025
207 ผู้เข้าชม
KJL เผยแนวโน้มธุรกิจปี 68 สดใส ออเดอร์ฟื้นตัวต่อเนื่องจากกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งโครงการลงทุนภาครัฐ พร้อมเดินหน้าขยายไลน์ผลิต เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ด้านนักวิเคราะห์มองหุ้น KJL มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง คาดปันผลในช่วงครึ่งปีหลังที่ 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 4.9% พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 9.90 บาท ระบุมีอัพไซด์ถึง 47.8% จากราคาล่าสุด
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ตู้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังขยายตัวได้ดี ทั้งจากโครงการภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ และความต้องการของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยังคงเติบโต อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะโซลาร์ ยังคงเป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มติดตั้งในภาคครัวเรือนหรือภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง KJL มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของตลาดนี้ และยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ รวมถึงการพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1,400 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการขยายตลาดใหม่ๆ
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานและระบบไฟฟ้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความต้องการอุปกรณ์ไฟฟ้าและตู้ไฟฟ้าของ KJL ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการรองรับออเดอร์จากภาครัฐ
สำหรับมุมมองด้านการลงทุน นายเกษมสันต์ ระบุว่า KJL ยังคงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลปี 2567 ไม่น้อยกว่า 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.9% ซึ่งยังคงเป็นจุดเด่นสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นปันผล
"มั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 จะยังคงเติบโตได้ดี และการขยายตัวของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยเสริมให้ KJL สามารถรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป" นายเกษมสันต์ กล่าวสรุป
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานของ KJL โดยระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 เติบโตแข็งแกร่งแตะ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากไตรมาสก่อน และ 63.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์คำสั่งซื้อฟื้นตัวหลังน้ำท่วม รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4/67 ที่ 306 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากไตรมาสก่อน และ 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าโซลาร์ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 32.0% จาก 30.3% ในไตรมาสก่อน
ในส่วนของปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 30% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% สะท้อนถึงแนวโน้มกำไรที่อาจออกมาดีกว่าคาดการณ์ และยังคาดอีกว่า KJL จะจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังของ 2567 ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 4.9%
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PER) ปี 2568 เพียง 8.2 เท่า ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าฝ่ายวิจัยจะปรับลด PER เป้าหมายจาก 14.5 เท่า เป็น 12.0 เท่า เพื่อสะท้อนสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง แต่ยังคงให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 9.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีอัพไซด์ 47.8% จากราคาล่าสุดที่ 6.70 บาท อีกทั้งมองว่า KJL เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ การเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และศักยภาพในการขยายกำลังการผลิต ทำให้ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมให้นักลงทุนจับตาการเติบโตของบริษัทในปี 2568
*************************
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ตู้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังขยายตัวได้ดี ทั้งจากโครงการภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ และความต้องการของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยังคงเติบโต อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะโซลาร์ ยังคงเป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มติดตั้งในภาคครัวเรือนหรือภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง KJL มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของตลาดนี้ และยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปีนี้ บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ รวมถึงการพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกมากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1,400 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการขยายตลาดใหม่ๆ
ขณะที่การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานและระบบไฟฟ้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความต้องการอุปกรณ์ไฟฟ้าและตู้ไฟฟ้าของ KJL ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการรองรับออเดอร์จากภาครัฐ
สำหรับมุมมองด้านการลงทุน นายเกษมสันต์ ระบุว่า KJL ยังคงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลปี 2567 ไม่น้อยกว่า 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.9% ซึ่งยังคงเป็นจุดเด่นสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นปันผล
"มั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 จะยังคงเติบโตได้ดี และการขยายตัวของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยเสริมให้ KJL สามารถรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป" นายเกษมสันต์ กล่าวสรุป
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดการณ์ถึงผลการดำเนินงานของ KJL โดยระบุว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 เติบโตแข็งแกร่งแตะ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% จากไตรมาสก่อน และ 63.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์คำสั่งซื้อฟื้นตัวหลังน้ำท่วม รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4/67 ที่ 306 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากไตรมาสก่อน และ 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าโซลาร์ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 32.0% จาก 30.3% ในไตรมาสก่อน
ในส่วนของปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 30% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% สะท้อนถึงแนวโน้มกำไรที่อาจออกมาดีกว่าคาดการณ์ และยังคาดอีกว่า KJL จะจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังของ 2567 ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 4.9%
ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PER) ปี 2568 เพียง 8.2 เท่า ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าฝ่ายวิจัยจะปรับลด PER เป้าหมายจาก 14.5 เท่า เป็น 12.0 เท่า เพื่อสะท้อนสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง แต่ยังคงให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 9.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีอัพไซด์ 47.8% จากราคาล่าสุดที่ 6.70 บาท อีกทั้งมองว่า KJL เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ การเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และศักยภาพในการขยายกำลังการผลิต ทำให้ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมให้นักลงทุนจับตาการเติบโตของบริษัทในปี 2568
*************************
บทความที่เกี่ยวข้อง
MEDEZE ย้ำบทบาทผู้นำธนาคารสเต็มเซลล์ไทย นำทีมร่วมให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในงาน Analyst Meeting เน้นย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์และบริการเซลล์ภูมิคุ้มกัน หรือ NK Cells ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบทบาทร่วมในโครงการ ATMPs Sandbox
20 มิ.ย. 2025
WEH อ้าแขนรับทรัพย์หลังผลการเสหนอขายหุ้นกู้ WEH ครั้งที่ 1/2568 ได้รับการตอบรับอย่างดี สะท้อนความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนช้ขยายกิจการ ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน
20 มิ.ย. 2025
AGE ส่งบริษัทในเครือ "เอจีอี เวนเจอร์ส" เปิดตัว "เอจีอี ออโต้ แกลเลอรี่" จับมือพันธมิตรแบรนด์รถยนต์ ขยายธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มุ่งเน้นตลาดรถยนต์กลุ่ม EV และไฮบริด ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมเปิดโชว์รูม 9 แห่ง ตั้งเป้ารายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
20 มิ.ย. 2025